สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันอีกครั้งในคอลัมน์ “คิดสักนิด..สะกิดใจ” ในอาทิตย์ที่ 23 ของเทศกาลธรรมดา ซึ่งในวันนี้พระวาจาของพระเจ้าเตือนเรา ถึงหน้าที่ของคริสตชนที่เราพึงมีและปฏิบัติต่อกันและกัน นั่นคือ เราคริสตชนไม่ได้มีหน้าที่เพียงการทำในสิ่งถูกต้องเท่านั้น แต่เรายังมีหน้าที่ช่วยคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย เราจึงต้องรู้จักให้อภัยและตักเตือนกันและกันด้วยความรัก และความเอาใจแบบพี่น้อง ดังคำพูดที่พระองค์กล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย จงเป็นเกลือและแสงสว่างส่องโลก” ที่ต้องฉายแสงให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า (เทียบ มธ 5:13-16) โดยพระองค์ทรงกำหนดหลักพื้นฐานสำคัญที่เราตัองมีต่อเพื่อนพี่น้องว่า “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ความรักและการให้อภัย จึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการปฏิบัติที่เราควรมีต่อกัน
หนังสือเลวีนิติได้วางระเบียบหรือแนวทางให้ชาวฮีบรูรู้จักตักเตือนซึ่งกันและกัน ระหว่างเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงอย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา” (ลนต 19:18) พระเยซูเจ้าก็ทรงรับเอาแนวทางนี้มาปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยทรงสอนเราว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา” (มธ 18:15)
การตักเตือนกันและกันนี้ จึงเป็นหน้าที่แห่งความรักที่เราพึงปฏิบัติต่อพี่น้องของเรา และเราอย่าสะดุดใจเมื่อเห็นพี่น้องของเราประพฤติผิด เพราะพระศาสนจักรหรือกลุ่มคริสตชน มิใช่หมู่คณะของนักบุญที่มีความสมบูรณ์พร้อม แต่เป็นหมู่คณะของคนบาปอ่อนแอ และบกพร่องที่กำลังมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เราจึงต้องก้าวเดินไปด้วยกันด้วยความรักและห่วงใยกัน ไม่ทิ้งคนหนึ่งไว้ข้างหลัง แต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้คนที่กระทำผิดได้สำนึกตัว กลับใจ และเดินในหนทางที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ในพระวรสารพระเยซูเจ้ายังให้แนวทางของการสร้างมิตรภาพแบบคริสตชน ด้วยการตักเตือนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยทรงสอนเราให้รู้จักตักเตือนกันและกันใน 3 ขั้นตอน โดยเริ่มจากไป พูดกับเขาเป็นการส่วนตัวอย่างเงียบๆ ตามลำพัง โน้มนำเขาด้วยความรักและความห่วงใย เพื่อให้คนนั้นรู้ตัวและกลับใจ และหากความพยายามในขั้นตอนแรกนี้ไร้ผล ก็ให้พาอีกคนหรือสองคนไปด้วยเพื่อเป็นพยาน และขั้นตอนสุดท้ายจึงแจ้งให้หมู่คณะทราบ เพื่อให้เขาได้ตระหนักว่า หมู่คณะเอาใส่ใจในตัวเขาและต้องการให้เขากลับคืนมาอย่างแท้จริง ในตอนท้ายพระองค์ยังสอนเราให้รู้จักภาวนาให้แก่คนที่กระทำผิด โดยเน้นถึงความสำคัญของการภาวนาแบบหมู่คณะ ทรงสอนว่า “ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา” (มธ 18:19-20)
ดังนั้น พี่น้องครับ ขอให้คำสอนเรื่องของการตักเตือนกันและกันด้วยความรัก เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ประจำวันของเรา เพราะเรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมและในหมู่คณะของเรา และเป็นพิเศษสำหรับบางบุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา เช่น บุตรหลาน ลูกศิษย์ ลูกน้อง และเพื่อนๆของเรา ซึ่งเราต้องช่วยให้พวกเขาเดินในหนทางที่ถูกต้อง ส่วนผู้น้อยก็ต้องเชื่อฟัง และเคารพในคำแนะนำของผู้ใหญ่ เพื่อเราจะได้เติบโตเป็นบุคคลที่สมบูรณ์และไร้ที่ติมากยิ่งขึ้น
…คุณพ่อปลัด…