ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4เทศกาลธรรมดาปี A
มธ5: 1-12…ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่นข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเราจงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก…
ในเรื่องของมหาบุญลาภเราได้แลเห็นค่านิยมที่คริสตชนควรจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน…ขณะที่มหาบุญลาภเหล่านี้เป็นการท้าทายเราอย่างมากแต่ว่าในขณะเดียวกันก็เสนอรางวัลที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราตั้งแต่อยู่ในโลกนี้และโดยเฉพาะอย่างสำหรับโลกหน้า
ข้อคิด…จากบทอ่านทั้งสามบทที่เราเพิ่งได้ยินจบลงไปแล้วนั้นมิใช่ความอดอยากและภัยพิบัติต่างๆเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เกิดขึ้นกับมนุษยชาติและไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเรามนุษย์เป็นสุขและสิ่งต่างๆเหล่านี้มิใช่ว่าเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาสำหรับเรามนุษยอีกด้วย…สิ่งที่ได้รับพระพรจากพระเจ้าก็คือความไว้วางใจในพระองค์และคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการพระเจ้าและเจริญชีวิตตามน้ำพระทัยพระองค์คนนั้นแหละที่เป็นสุขและเป็นคนที่โชคดี…พระเจ้าจะประทานทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาตามที่เขาต้องการเพราะพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มช่องว่างต่างๆในตัวเรามนุษย์และสามารถดับความกระหายแห่งหัวใจของเรา…คนที่วางใจในมนุษย์ด้วยกันในที่สุดก็จะผิดหวังส่วนคนที่วางใจในพระเจ้าก็จะไม่ผิดหวังเพราะพระเจ้าจะกลายเป็นพระผู้อุปถัมภ์ของผู้ยากไร้ผู้อ่อนแอผู้ด้อยโอกาสและผู้ต่ำต้อยเพียงแต่ขอให้เขาประพฤติความชอบธรรมและมีความสุภาพถ่อมตน
มหาบุญลาภที่พระเยซูเจ้าเทศน์สอนให้กับพวกเราทุกๆคนนั้นเป็นหัวใจของพระวรสารเลยทีเดียวแต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นว่ามหาบุญลาภเหล่านั้นเป็นอะไรที่จะนำไปปฏิบัติไม่ได้หรือจะปฏิบัติได้ก็ยากมากๆทั้งเป็นการเรียกร้องมากเกินไปสำหรับคนโดยทั่วๆไป
แต่ให้เราใช้เวลาสักเล็กน้อยไตร่ตรองดูว่ามหาบุญลาภที่พระเยซูเจ้าเทศน์สอนนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่และดีมากน้อยแค่ไหนถ้าหากว่าเราสามารถนำมาปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน
“ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุขเพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา”แต่เราคงอยากจะบอกว่าคนที่ร่ำรวยก็เป็นสุขเพราะเขาสามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการ
แต่ว่าจริงๆแล้วคนที่ร่ำรวยก็ไม่เคยรู้สึกว่าพอดังนั้นเขาจะเป็นสุขได้อย่างไรกัน?
แน่นอนคนที่ยากจนนั้นคงมิใช่หมายความว่าการมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แร้นแค้นไม่มีสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตเพราะคนเราต้องการปัจจัยที่จำเป็นจำนวนหนึ่งเพื่อจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
และเราจะให้ความหมายของคำว่า“มีใจยากจน”อย่างไร?…นั่นคงจะต้องหมายถึงคนที่มอบความไว้วางใจของตนให้กับพระเจ้ามากกว่าที่จะให้กับเงินทองหรือสิ่งสร้างอื่นๆ
สำหรับโลกมนุษย์ของเรานี้เงินทองอาจจะเป็นประตูที่เปิดสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการได้แต่ไม่ใช่เป็นประตูที่สามารถเปิดไปสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า
แต่ว่าทำไมใครๆก็อยากเป็นคนรวย?
ความร่ำรวยในพระประสงค์ของพระเจ้าคงมิใช่ความเป็นเจ้าของของทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลแต่ความร่ำรวยของเราจะอยู่ที่เราเป็นคนชนิดใดที่ทำให้เราร่ำรวยในสายพระเนตรของพระเจ้าต่างหาก
“ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุขเพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก”ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุขจริงหรือ? …เพราะคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเราถ้าหากว่าเรามีใจอ่อนโยนหรือเป็นคนใจอ่อนเพราะเราจะถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายซึ่งก็หมายความว่าถ้าหากเราต้องการให้ทุกอย่างสามารถดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัดในชีวิตของเราเราก็คงต้องเป็นคนที่แข็งกร้าวไม่ยอมคนอื่นง่ายๆเพราะคนส่วนใหญ่ถือว่าความอ่อนโยนเป็นรูปแบบอย่างหนึ่งของความอ่อนแอ
แต่ว่าจริงๆแล้วความอ่อนโยนมิใช่เป็นความอ่อนแอตรงข้ามความอ่อนโยนเป็นรูปแบบของพละกำลังและความเข้มแข็งทั้งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมากที่สุดประการหนึ่งในชีวิตของเรามนุษย์ให้เราลองนึกถึงความอ่อนโยนที่ผู้ที่เป็นแม่และผู้ที่เป็นหมอผ่าตัดจำเป็นต้องมี
ความอ่อนโยนมิใช่เป็นการยอมแพ้ง่ายๆต่อชีวิตและต่อสภาพแวดล้อมของชีวิตหรือเป็นความขลาดกลัวแต่ว่าเป็นความเชื่อมั่นในตัวเองที่จะต้องเป็นคนอ่อนโยนเพื่อที่จะสามารถเอาชนะใจคนอื่นได้
“ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุขเพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า” คนเรามักจะพูดถึงเรื่องหน้าตาผิวพรรณสะอาดฟันสะอาดฯลฯแต่น้อยครั้งนักที่เราจะได้ยินคนเขาพูดถึงเรื่องใจสะอาด
นั่นก็เป็นเพราะว่ามนุษย์เราเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาดภายนอกมากกว่าความสะอาดภายใน
ความสะอาดภายในนั้นหมายถึงอะไร?
หมายถึงความสะอาดของจิตวิญญาณและหัวใจอันเป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม
คนเราในสมัยนี้สนใจในเรื่องของสุขภาพอนามัยของตัวเองมากกว่าเรื่องของศีลธรรม
เรามักจะพูดถึงเรื่องของมลภาวะที่ทำให้ธรรมชาติสูญเสียความบริสุทธิ์ดั้งเดิมของมันไปเช่นพูดถึงน้ำเสียอากาศเสียฯลฯแต่ไม่ได้พูดถึงมลภาวะของจิตวิญญาณและหัวใจที่ทำให้ชีวิตมนุษย์เสียเช่นความโลภความจองหองความเกลียดความมักมากในกามารมณ์ฯลฯอันก่อให้เกิดอาชญากรรมและความชั่วชนิดต่างๆในสังคม
เราจำเป็นต้องทำการชำระล้างให้สะอาดต้นตอของความชั่วต่างๆในสังคมซึ่งก็มิใช่อะไรอื่นคือจิตวิญญาณและหัวใจของเรามนุษย์นั่นเองเพราะจิตวิญญาณและหัวใจของเรามนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดคำพูดและพฤติกรรมต่างๆซึ่งเราจำเป็นจำต้องชำระล้างให้บริสุทธิ์เสียก่อน
และจากจิตวิญญาณที่ใสสะอาบริสุทธิ์เราก็จะสามารถมองเห็นพระเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามและสวยงามในโลก
ท้ายสุดก็อยากจะสรุปว่าคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องของมหาบุญลาภนั้นก็คือชีวิตของพระเยซูเจ้าเองนั่นแหละเพราะพระองค์ทรงร่วมในโชคชะตาของเรามนุษย์เป็นพระผู้อ่อนโยนสุภาพกับทุกๆคนทรงเป็นทุกข์เศร้าโศกกับคนที่มีทุกข์ทรงหิวกระหายในความถูกต้องฯลฯ
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์