สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งเช่นเคยกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากจริงๆเผลอแปปเดี๋ยวเราก็เข้าสู่อาทิตย์ที่2 ของเทศกาลมหาพรตกันแล้วนะครับอาทิตย์ที่แล้วพระเยซูเจ้าสอนให้เรารู้จักกับการ“ต่อสู้กับการผจญล่อลวง”ส่วนอาทิตย์นี้พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราทุกคนให้มาพบกับ“การเปลี่ยนแปลง”เหมือนกับตอนที่พระองค์ทรงพาศิษย์ทั้งสามคือเปโตรยากอบและยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงและก็ได้ทำให้พวกเขาเห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ด้วยการจำแลงพระวรกายอย่างรุ่งโรจน์ต่อหน้าต่อตาพวกเขาโดยมีโมเสสและเอลียาห์มาร่วมสนทนาก้บพระองค์เพื่อยืนยันว่า“พระองค์พระผู้ไถ่ของพวกเขา” เพราะบัดนี้สิ่งที่พระเจ้าเคยสัญญาไว้กับมนุษย์โดยผ่านทางโมเสสและเอลียาห์เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดพ้นนั้นกำลังจะเป็นจริงโดยผ่านทางพระเยซูเจ้าผู้นี้เอง
พี่น้องครับการจำแลงพระวรกายของพระเยซูเจ้าในอาทิตย์นี้จึงเป็นการยืนยันถึงพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระเยซูเจ้าว่าความตายบนไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าทรงเลือกนั้นมีค่ามากเพียงใด? เป็นเกียรติมงคลอันยิ่งใหญ่ที่ทรงไถ่บาปเราซึ่งให้ข้อคิดแก่เราว่าประการแรกหากเราต้องการได้รับเกียรติมงคลนี้เราจำเป็นต้องผ่านหนทางแห่งไม้กางเขนนี้เช่นเดียวกันนั่นคือเราจำเป็นต้องตายต่อน้ำใจตนเองลดความเห็นแก่ตัวรู้จักเปลี่ยนแปลงของตนเองและน้อมรับทั้งความสุขและทุกข์ที่พระเจ้ามอบให้ด้วยใจยินดีดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อเราผ่านกางเขนเราจะพบกับแสงสว่างอย่างแน่นอน
ประการที่สองหากเราต้องการมาถึงภูเขาทาบอร์(หรือเมืองสวรรค์) เราจำเป็นต้องเชื่อฟังพระเยซูเจ้าดังคำที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ที่ทรงกล่าวยืนยันกับเราจากก้อนเมฆนั้นว่า“ท่านผู้นี้คือบุตรสุดที่รักของเราเราพึงพอใจยิ่งนักจนเชื่อฟังท่านเถิด” พระเยซูเจ้านี้เป็นของเราทุกคนเพราพระองค์ทรงเรียกเราทุกคนให้มีส่วนร่วมในอาณาจักรทั้งแผ่นดินนี้และในโลกหน้าทรงเรียกอับรทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้เรามนุษย์ทุกคนได้เห็นและมีส่วนร่วมในพระสิริรุ่งโรจน์นี้เช่นเดียวกันพระองค์จึงทรงเรียกอับราฮัมบิดาแห่งความเชื่อให้เชื่อฟังพระองค์ด้วยการเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญาและนักบุญเปาโลก็บอกกับเราว่า“จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดี” ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการประจักษ์พระวรกายของพระเยซูเจ้านี้เป็นของเราทุกคนพระองค์ทรงเรียกเราทุกคนให้มีส่วนร่วมในอาณาจักรทั้งแผ่นดินนี้และในโลกหน้า
…คุณพ่อปลัด…