สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกเช่นเคยกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ” กับอาทิตย์ที่10 ของเทศกาลธรรมดาในสัปดาห์ที่เราคริสตชนเพิ่งผ่านพ้นการสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเมื่อวันศุกร์ที่8 มิถุนายนที่ผ่านมาสำหรับในอาทิตย์นี้พ่อจึงขอนำบทความเรื่องความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้ามาแบ่งปันให้กับพี่น้องกันครับ
ความเลื่อมใสศรัทธาหมายถึงความเคารพที่ขึ้นกับความรู้สึกของแต่ละคนคือบุคคลหนึ่ง“มอบตน” “อุทิศตน” หรือ“รู้สึกผูกพันด้วยความรัก”กับอีกบุคคลหนึ่งผู้ใดมีความศรัทธาต่อนักบุญองค์ใดองค์หนึ่งผู้นั้นก็รู้สึกผูกพันด้วยความรักกับนักบุญองค์นั้นเช่นผู้มีความศรัทธาต่อนักบุญอันตนจะระลึกถึงนักบุญองค์นี้ด้วยความรักบ่อยๆไม่เพียงระลึกถึงท่านปีละครั้งในวันฉลองซึ่งตรงกับวันที่13 มิถุนายนแต่เขาจะภาวนาบ่อยๆต่อนักบุญอันตนพยายามแสดงความเคารพด้วยการถวายเทียนจุดประทัดทำทานหรือสวดนพวารฯลฯ
ในทำนองเดียวกันพระศาสนจักรเชิญชวนสัตบุรุษให้แสดงคารวกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าไม่เพียงปีละครั้งในวันสมโภชแต่ยังเชิญชวนให้ผู้มีความศรัทธาต่อพระหฤทัยสวดบทภาวนาถวายตนแด่พระหฤทัยทุกวันระลึกถึงพระหฤทัยทุกวันศุกร์ต้นเดือนรับศีลมหาสนิทและนมัสการศีลมหาสนิทเพื่อชดเชยบาปโดยสวดภาวนาสั้นๆเพื่อแสดงความไว้วางใจวอนขอพระพรเพื่อจะได้มีความรู้สึกนึกคิดเยี่ยงพระองค์ปฏิบัติคุณธรรมตามพระฉบับของพระองค์มีรูปปั้นหรือภาพวาดของพระหฤทัยในบ้านแขวนเหรียญพระหฤทัยไว้ติดตัวฯลฯ
พื้นฐานของความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
แม้เป็นที่รู้จักกันดีว่าความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยเผยแผ่ในหมู่คริสตชนทั่วไปในศตวรรษที่17 โดยผลงานของนักบุญยอห์นเอิ๊ดส์(+1680) และนักบุญมาร์การีตามารีย์อาลาก็อก(+1690) แต่ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้านั้นมีพื้นฐานและศูนย์กลางในธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าพระบุตรผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยทุกคนให้รอดพ้น
ตั้งแต่สมัยของนักบุญยอห์นและนักบุญเปาโลพระศาสนจักรมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อความรักของพระเจ้าผู้ทรงรักมนุษย์จนประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวแก่ทุกคนและมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อความรักของพระเยซูเจ้าผู้ทรงรักมนุษย์จนทรงมอบพระองค์เพื่อทุกคนแต่กระนั้นก็ดียังไม่พูดถึงความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าโดยตรงซึ่งในหนังสือพันธสัญญาใหม่นั้นจะมีข้อความอยู่2 ตอนที่สนับสนุนถึงเรื่องนี้กล่าวคือ
เรื่องแรกคือคำสรรเสริญของพระเยซูเจ้าด้วยความยินดี (มธ11:25-30)โดยพระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงมีพระทัยสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนนักบุญมัทธิวบันทึกเรื่องนี้เพื่อจะให้บรรดาศิษย์ปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์และเรื่องที่สองคือเรื่องทหารแทงด้านข้างพระวรกายของพระเยซูเจ้า(ยน19:31-37)นักบุญยอห์นเล่าว่าเมื่อทหารแทงด้านข้างพระวรกายของพระเยซูเจ้าพระโลหิตและน้ำไหลออกมาทันทีนักบุญยอห์นยังอ้างคำทำนายของประกาศกเศคาริยาห์ที่ว่า“เขาทั้งหลายจะมองดูผู้ที่เขาได้แทง” (ศคย12:10)ข้อความนี้ต้องการจะสอนเราว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะที่ถูกประหารเป็นบูชาจริงๆสำหรับความรอดพ้นของมนุษยชาติและการถวายบูชาของพระเยซูเจ้านี้ยังเป็นบ่อเกิดแห่งพระหรรษทานอันอุดมสำหรับมนุษย์ทุกคน“เมื่อเราจะถูกยกขึ้นจากแผ่นดินเราจะดึงดูดทุกคนเข้ามาหาเรา” (ยน12:32)
ที่มา: บทความของของคณะภิคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า(https://archive.is/Qv02)