ข้อคิดสมโภชนักบุญยอห์นแบปติสต์บังเกิด
24 มิถุนายน
ลก1: 57-66…นางเอลิซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง…เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า“เขาชื่อยอห์น”…เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้นจิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย…เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล…
ข้าแต่พระเจ้าของท่านนักบุญยอห์นแบปติสต์ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายทำการสมโภชการบังเกิดของท่านในวันนี้พระองค์ได้ทรงเลือกท่านนักบุญให้เตรียมหนทางสำหรับการเสด็จมาขององค์พระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสตเจ้าและณวันบังเกิดของท่านยอห์นชาวบ้านต่างส่งเสียงร้องว่าพระองค์ได้ทรงเสด็จมาเยี่ยมและนำการช่วยให้รอดพ้นมาให้กับประชากรของพระองค์ขอพระองค์ทรงหลั่งพระพรอันอุดมมายังข้าพเจ้าทั้งหลายซึ่งมาชุมนุมกันในบ้านของพระองค์และขอทรงโปรดให้พระจิตของพระองค์ช่วยนำข้าพเจ้าทั้งหลายไปตามทางแห่งการช่วยให้รอดพ้น
ข้อคิด…นักบุญยอห์นแบปติสต์…เป็นบุตรชายของท่านเศคาริยาห์ผู้เป็นใบ้และนางเอลิซาเบธผู้เป็นหมันการบังเกิดมาของท่านยอห์นแบปติสต์เป็นการประกาศให้ทราบว่ารัชสมัยของพระเมสสิยาห์กำลังจะมาถึงแล้วและในรัชสมัยของพระองค์นี้ผู้ที่เป็นหมันจะมีลูกมากและผู้ที่เป็นใบ้จะกลายเป็นประกาศก
นักบุญยอห์นแบปติสต์เป็นนักบุญที่พิเศษพิสดารไม่เหมือนกับนักบุญท่านอื่นๆเพราะท่านใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนคนอื่นและทานอาหารแปลกๆและคำเทศน์สอนของท่านก็เป็นอะไรที่หลายๆคนไม่อยากจะได้ยินได้ฟังเพราะท่านพูดตรงเกินไปแต่ก็มีชาวยูเดียจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปหาท่านในถิ่นทุรกันดารเพื่อไปฟังท่านเทศน์สอนและก็ได้เป็นทุกข์กลับใจและยอมรับพิธีล้างจากท่าน
แต่ว่าความแปลกพิเศษของท่านยอห์นดังที่ว่ามานี้ก็มิใช่เพื่อประโยชน์หรือเป็นความได้เปรียบของตัวท่านเองตรงข้ามที่ท่านเป็นและทำไปนั้นเพราะนบนอบต่อเสียงเรียกของพระเจ้าท่านทราบดีว่าท่านมีบทบาทพิเศษเฉพาะที่จะต้องแสดงให้โลกมนุษย์ได้แลเห็นนั่นก็คือการประกาศข่าวดีของการเสด็จมาของพระผู้ไถ่ซึ่งท่านเองได้ทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดของท่านเพื่อการนี้…นักบุญลูกาบอกเราว่าท่านยอห์นกำลังอยู่ในถิ่นทุรกันดารเมื่อพระเจ้าทรงมีพระวาจาตรัสกับท่านว่าท่านจะต้องทำอะไรบ้างท่านยอห์นเตรียมพร้อมอยู่แล้วและกำลังรอคอยพันธกิจนั้นอยู่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าซึ่งได้มาแจ้งข่าวการบังเกิดของท่านยอห์นแก่ท่านเศคาริยาห์ได้ทำให้เป็นที่แจ้งชัดว่าเด็กที่เกิดมานี้จะต้องได้รับการถือศีลปฏิญาณว่าจะต้องถูกคัดแยกออกมาต่างหากเพื่อให้บริการแด่พระเจ้าทั้งจะต้องถือกฏเกณฑ์บางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ฯลฯ(วนฉ13: 2-7) และท่านยอห์นก็ได้ซื่อสัตย์ต่อกระแสเรียกนี้จนถึงวันที่ท่านถูกตัดศีรษะ
ชายผู้นี้ซึ่งอาจจะดูเป็นบ้านนอกไปสักหน่อยในสายตาของคนทั่วๆไปไม่เหมือนคนเมืองกรุงเพราะไม่มีอำนาจหรือตำแหน่งหน้าที่ในระบบทางการเมืองของพวกยิวในสมัยนั้นเลยแต่ว่าเวลาที่ท่านพูดปราศรัยนั้นคำพูดของท่านทรงพลังมีอำนาจยากที่จะต้านทานอยู่ประชาชนได้ถูกทำให้หวั่นไหวสั่นคลอนด้วยคำพูดของท่านเพราะว่าท่านพูดความจริงพลางท้าทายพวกเขาให้กลับใจหันจากบาปผิดของพวกเขาและมารับศีลล้างจากท่านอันเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกลับใจใช้โทษบาปมีผู้คนยอมทำตามเสียงเรียกร้องของท่านนับร้อยนับพันคนแม้ว่าจะมีฝูงชนจำนวนมากพากันมาหาท่านแต่ท่านก็ยังชี้ออกนอกตัวท่านไปยังอีกท่านผู้หนึ่งเพราะท่านไม่เคยลืมว่าบทบาทที่สำคัญของท่านนั้นคือการประกาศการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่
คำพูดที่พูดความจริงของท่านได้ทำให้หลายๆคนรู้สึกหวั่นไหวและยอมกลับใจใช้โทษนอกนั้นท่านยอห์นยังกล้าท้าทายกษัตริย์เฮโรดให้ยอมรับบาปผิดของพระองค์เองแต่ว่าพระนางเฮโรเดียสหญิงที่กษัตริย์เฮโรดได้ทำการสมรสด้วยใหม่อย่างผิดศีลธรรมนั้นได้ตัดสินใจที่จะกำจัดท่านยอห์นนักเทศน์แห่งถิ่นทุรกันดารออกไปให้พ้นทางของพระนางแม้ว่าพระนางจะสามารถฆ่าท่านได้แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งคำสอนของท่าน…ส่วนท่านผู้นั้นที่ยอห์นได้ประกาศไว้นั้นกำลังเสด็จมาแล้วแต่สำหรับตัวท่านเองก็ได้ทำสำเร็จพันธกิจที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายไว้ให้
พระเจ้าได้ทรงประทานให้กับเราแต่ละคนด้วยเป้าหมายเฉพาะอันหนึ่งของการมีชีวิตอยู่และเราสามารถวางใจในพระองค์และให้พระองค์ทรงนำทางเดินแห่งชีวตของเราท่านยอห์นไม่มีพระคัมภีร์ฉบับสมบูรณ์อย่างที่เรามีเรารู้ในทุกวันนี้แต่ท่านพุ่งเป้าชีวิตของท่านไปที่ความจริงเท่าที่ท่านรู้จากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับพวกเราก็เช่นกันเราสามารถค้นพบความจริงที่พระเจ้าทรงต้องการให้เรารู้ในองค์พระวจนาตถ์ผู้รับเอากายของพระองค์และขณะที่ความจริงเหล่านี้ทำงานในตัวเราคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างตัวเราก็จะได้รับการดึงดูดให้เข้าไปหาพระเจ้าพระองค์สามารถใช้เราในแบบที่พระองค์จะไม่ทรงใช้คนอื่นเพียงแต่ขอให้พระองค์รับรู้ถึงความเต็มใจของเราที่จะติดตามพระองค์ในวันนี้และตลอดไป
การเป็นประกาศกมิใช่เป็นเพียงแต่ผู้ที่แจ้งข่าวถึงพระเมสสิยาห์ในอนาคตเท่านั้นแต่ที่สำคัญก็คือเป็นผู้นำเอาพระวาจาของพระเจ้าไปประกาศและเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าพระวาจาที่สร้างสรรค์นี้อยู่ท่ามกลางพวกเราอยู่ในโลกที่ได้รับการสร้างใหม่จากพระเจ้า
ทุกๆครั้งที่เรามาร่วมถวายบูชามิสซาพระวาจาของพระเจ้าก็ประกาศซ้ำสิ่งที่ท่านยอห์นแบปติสต์ได้ประกาศเตือนพวกเขาชาวยิวที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดนคือ“ขอให้พวกท่านได้กลับใจ”…เรื่องเล่าถึงการรับประทานอาหารค่ำครั้งสุดท้ายของพระคริสตเจ้าซึ่งมีบทสวดเสกศีลอยู่ด้วยและเป็นข้อความตอนหนึ่งของพระวรสารนั้นน่าจะต้องทำให้เราได้ถามตัวเราเองว่า“เราต้องทำอะไร”(กจ. 2:37) คำตอบของพระคริสตเจ้าพระองค์ผู้ได้ถวายร่างกายและหลั่งพระโลหิตเพื่อเราคือว่า“พวกท่านจงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงเราเถิด”…คือการติดตามพระเยซูเจ้าพระอาจารย์จนถึงที่สุดเช่นเดียวกับชีวิตและการเป็นมรณสักขีของท่านยอห์นแบปติสต์อันเป็นการตอบสนองคำเชื้อเชิญของพระเยซูเจ้าที่ให้ติดตามพระองค์ไปจนถึงที่สุด…มีคริสตชนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านโดยได้พลีชีวิตและหลั่งเลือดเพื่อพระคริสตเจ้าเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าในหมู่ที่เกิดจากหญิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้างถึงกระนั้นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น” (มธ11: 11)
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์