29 มิถุนายน
สมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครสาวก
วันสมโภชนี้พระศาสนจักรหวนกลับมาดูจุดกำเนิดของตนและเฉลิมฉลองความจำที่มีต่อบุคคลสำคัญสองท่านที่เป็นเหมือนแม่พิมพ์ให้กับชีวิตพระศาสนจักรในระยะเริ่มต้นที่ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยสำคัญที่ลบเลือนไม่ได้ในรากฐานและลักษณะเฉพาะทั้งสองท่านต่างกันโดยสิ้นเชิง(as different as chalk and cheese) แต่ท่านนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลก็ได้รับขนานนามว่า“เป็นเสาหลักสองต้นของพระศาสนจักร” เป็นดัง“ตะเกียงหรือดวงไฟสองดวง” ที่กำลังลุกโชติช่วงเพื่อพระคริสต์เพื่อส่องสว่างหนทางไปสู่สวรรค์
นักบุญเปโตร-“ซีมอนบุตรของโยนาห์”เป็นชาวเบธไซดาริมฝั่งทะเลสาบกาลิลีแต่งงานและตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับน้องชาย“อันดรูว์” หาเลี้ยงตนด้วยอาชีพจับปลาจนกระทั่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเรียกเขาจากชาวประมงจับปลามาเป็นชาวประมงจับมนุษย์เมื่อเขาประกาศความเชื่อว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูเจ้าจึงทรงประกาศตั้งพระศาสนจักรบนหินก้อนนี้ที่มีเปโตรเป็นรากฐาน[เพราะชื่อเปโตรหรือPetrus ภาษาลาตินหรืออีกชื่อหนึ่งคือเคฟา(ส) ภาษาอาราเมอิคแปลว่า“หิน”] สำนวนที่พระองค์มอบกุญแจแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ให้แก่นักบุญเปโตรและสำนวนที่ว่าถึงการผูกและการแก้มีความหมายทางกฎหมายชัดแจ้งถึงตำแหน่งสูงสุดในการปกครองที่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้นมา
หลังการกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพนักบุญเปโตรเป็นหนึ่งในพวกแรกๆที่พระเยซูเจ้าทรงปรากฏองค์ให้เห็นเป็นนักบุญเปโตรที่เป็นประธานในการเลือกมัทธีอัสมาแทนยูดาสอิสคาริโอท(กจ1:15-20) นักบุญเปโตรเป็นผู้เทศน์สอนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันเปนเตกอสเตที่พระจิตเสด็จลงมา(กจ2:14-40) ให้คำปราศรัยกับสภาซันเฮดริน(กจ4:5-22) เป็นผู้รับชาวยิวพวกแรกมาเป็นคริสตชน(กจ2:41) และต่อมารับคนต่างชาติพวกแรก(กจ10:44-48) เข้ามาในพระศาสนจักรนักบุญเปโตรได้ทำอัศจรรย์ครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชน(กจ3:1-11) และเป็นผู้ให้คำตัดสินชี้ขาดในสภาสังคายนาครั้งแรกของพระศาสนจักร
นักบุญเปาโล-นักบุญเปาโลได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของคริสตศาสนา(ต่อจากนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร) ท่านมาจากดินแดนที่ชาวยิวกระจัดกระจายไปอยู่(Diaspora) คือเมืองทาร์ซัสซึ่งทำให้ท่านคุ้นเคยทั้งวัฒนธรรมของชาวยิวและชาวกรีกน่าชื่นชมที่ท่านได้รับการปูพื้นฐานความรู้เป็นอย่างดีซึ่งจะเหมาะกับงานที่พระเจ้าทรงมอบให้ท่านในอนาคตในการที่จะต้องเป็น“อัครสาวกสำหรับคนต่างศาสนา”และเป็นผู้ช่วยพระศาสนจักรซึ่งเพิ่งเริ่มต้นให้ก้าวเดินอย่างเป็นอิสระพ้นจากลัทธิของชาวยิวจากการที่ท่านได้มีประสบการณ์พิเศษที่ได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพในระหว่างการเดินทางไปเมืองดามัสกัสเป็นสิ่งพิสูจน์ถึงแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ท่านเป็นหนึ่งในผู้ร้อนรนเปี่ยมด้วยพลังและเป็นผู้แทนที่กล้าหาญของพระคริสตเจ้าเท่าที่มีมา
จดหมายต่างๆของนักบุญเปาโล(นับได้7 ฉบับที่แท้จริงและอีก6 ฉบับที่อ้างว่าท่านได้เขียนทั้งทางตรงและทางอ้อม) ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเหมือนบ่อน้ำพุแห่งความจริงการเป็นพยานยืนยันและเป็นคำเทศน์สอนที่มาถึงเราจนทุกวันนี้เราจะเห็นลักษณะการเขียนของท่านที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมและพลังใจที่ล้นปรี่ท่านเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ที่อุทิศตนอย่างลุกร้อนด้วยไฟแห่งความรักที่มากล้นชนิดที่สามารถเห็นว่าทุกสิ่งอยู่ในพระคริสต์ไม่ว่าจะเป็นการเบียดเบียนการถูกลบหลู่หรือความอ่อนแอก็ไม่สามารถจะหันเหท่านไปจากข้อตั้งใจที่จะกลายเป็น“ทุกสิ่งสำหรับทุกคน“(1คร9:22) งานที่ยากลำบากต่างๆเหล่านี้ที่ท่านทำอย่างแข็งขันช่วยสร้างรูปแบบของพระศาสนจักรต่างๆที่ท่านตั้งขึ้นให้อยู่ใน“พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า”ท่านตระหนักตนว่าเป็นเหมือน“เด็กที่คลอดก่อนกำหนด“ชื่อเปาโลซึ่งหมายถึง“เล็ก“จึงสุภาพที่จะเรียกตนว่าเป็นผู้รับใช้(servant) “เป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก“และแม้แต่“เป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์” (อฟ3:8)
บทสรุป:
นักบุญทั้งสองเป็น“มนุษย์กิจกรรม“(men of action) งานของท่านทั้งสองส่งเสริมกันและกันทั้งสองรักองค์พระผู้เป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจทั้งสองสามารถกล่าวได้เต็มปากว่า”ข้าพเจ้าได้ต่อสู้มาอย่างดีแล้วข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้วข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้วยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรมซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น…” (2 ทธ4:7-8)
ที่น่าประหลาดใจยิ่งท่านทั้งสองได้รับ“มงกุฎแห่งความชอบธรรม” ช่วงราวปีค.ศ. 67 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้ๆกันในสมัยของจักรพรรดิเนโรซึ่งต้องการทำลายล้างกลุ่มคริสตชนให้หมดสิ้นไปนักบุญเปโตรถูกตรึงกางเขนที่เนินวาติกัน(ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรในปัจจุบันนี้) แต่ท่านได้ขอให้กลับหัวลงเพราะคิดว่าตนไม่สมควรจะตายแบบที่พระคริสต์ทรงถูกตรึงส่วนนักบุญเปาโลซึ่งมีสัญชาติโรมันถูกตัดศีรษะแถวบริเวณเส้นทางOstian ตรงบริเวณน้ำพุ3 แห่ง(Tre Fontane) ซึ่งบัดนี้เป็นที่ตั้ง บาสิลิกานักบุญเปาโลที่สง่างามนอกกำแพงเมือง
วันที่29 มิถุนายน(C. 268) ร่างของมรณสักขีทั้งสองท่านได้ถูกนำมาไว้ด้วยกันที่คาตาคอมบ์นักบุญเซบาสเตียนดังนั้นวันสมโภชของท่านทั้งสองซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิบสองของการเฉลิมฉลองทางพิธีกรรมที่มีความสำคัญมากของพระศาสนจักรคาทอลิกจึงเลือกสมโภชท่านในวันที่29 มิถุนายนตามเหตุการณ์นี้
(ถอดความโดยคุณพ่อวิชาหิรัญญการจากหนังสือSaint Companions For Each Day ; เขียนโดยA.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)