ข้อคิดอาทิตย์ที่23 เทศกาลธรรมดา ปี B
ยก2: 1-5, มก7: 31-37…อย่าให้ความเชื่อของท่านในองค์พระเยซูคริสต์มีการเลือกปฏิบัติ…คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้นเขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยินและคนใบ้กลับพูดได้…
พระเยซูเจ้าได้ทรงทำให้คนหูหนวกได้ยินและคนใบ้พูดได้…เราต้องการให้พระเจ้ามาสัมผัสหูของเราเพื่อว่าเราจะได้ยินพระวาจาของพระองค์และเราต้องการให้พระองค์มาสัมผัสลิ้นของเราเพื่อว่าเราจะได้ยืนยันความเชื่อของเราและประกาศข่าวดีของพระองค์…
ข้อคิด…พระเยซูเจ้าได้ทรงทำอัศจรรย์ในการทำให้คนหูนวกได้ยินและคนใบ้พูดได้นั้นเป็นการทำอัศจรรย์ในถิ่นของคนต่างศาสนาการตอบรับทางความเชื่อของคนต่างศาสนาช่างแตกต่างจากของผู้คนอีกหลายๆคนในถิ่นบ้านเกิดของพระองค์เอง…นักบุญมาระโกต้องการแสดงให้เรารู้ว่าพระเยซูจ้ำกำลังทำให้คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ได้สำเร็จไปที่ว่า“หูของคนหูหนวกจะได้ยินและคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี” (อสย3: 4-7) นั่นก็หมายถึงว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้นำความรอดพ้นมาสู่ชาวอิสราเอลและมนุษยชาติ
การอัศจรรย์ที่กล่าวถึงในวันนี้เป็นการรักษาให้หายแต่เพียงกรณีเดียวในพระวรสารที่บรรยายถึงขบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปของการรักษาให้หายและนักบุญมาระโกเห็นการอัศจรรย์นี้ว่าเป็นการฉายภาพของการเจริญพัฒนาของความเชื่อซึ่งเกิดขึ้นกับคริสตชนทุกๆคนหลังจากที่เขาได้รับศีลล้างบาปแล้ว…พระคริสตเจ้าทรงสัมผัสหูของเราเพื่อให้เราได้ยินพระวาจาของพระองค์และพระองค์ทรงสัมผัสลิ้นของเราเพื่อให้เรายืนยันความเชื่อของเราและประกาศข่าวดีของพระองค์ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถเอ่ยออกมาว่า“พระองค์ทำสิ่งใดดีทั้งหมดทำให้คนหูหนวกได้ยินและทำให้คนใบ้พูดได้”
ความสามารถที่จะได้ยินและที่จะพูดเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่สองประการที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเรามนุษย์เช่นเดียวกับพระพรอื่นๆทั้งหลายซึ่งหลายๆคนคิดว่าเป็นสิทธิของตนที่จะต้องได้มาและจะใช้อย่างไรก็ได้ อันอาจจะนำไปใช้ในทางที่ผิดและถือเป็นเรื่องส่วนตัวอันที่จริงพระพรทั้งสองประการนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดซึ่งเราแลเห็นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของผู้สูงอายุคือเมื่อการได้ยินของพวกเขาชักจะไม่สู้จะดีนักพวกเขาก็มักจะถอยตัวออกห่างไปอย่างเงียบๆจากผู้คนในสังคมไม่อยากที่จะสื่อสารกับคนอื่นเพราะคิดว่ามันเป็นข้อด้อยของตน
พระพรของการพูดเป็นวิธีการที่สำคัญของเรามนุษย์ในการสื่อสารกับคนอื่นคนที่มีข้อขัดข้องในเรื่องของการพูดก็มักจะกลายเป็นตัวตลกเป็นที่หัวเราะเยาะของคนอื่นดังนั้นในกรณีของคนใบ้หูหนวกคนนี้พระเยซูเจ้าจึงทรงปฏิบัติต่อเขาเป็นกรณีพิเศษโดยนำเขาออกไปจากฝูงชนเพื่อว่าพระองค์จะได้สามารถปฏิบัติต่อเขาเป็นการส่วนตัวและอย่างเอาใจใส่เป็นพิเศษ…แทนที่จะกล่าวอะไรกับเขาเท่านั้นพระองค์กลับทรงสัมผัสหูและลิ้นของเขาซึ่งเป็นการทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งที่เขาไม่สามารถได้ยินและได้พูด
การอัศจรรย์นี้มีผลลัพธ์อย่างมากสำหรับพวกเรามิใช่เป็นเพราะว่าเราเป็นคนหูหนวกหรือใบ้พูดไม่ได้แต่เป็นเพราะว่าเรามีพระพรของการได้ยินและการพูดข้อเท็จจริงที่ว่าแม้นเรามีพระพรทั้งสองประการนี้แต่เราก็มิได้ใช้พระคุณทั้งสองประการนี้อย่างดี…หลายๆคนเป็นผู้ฟังที่น่าสงสารคือไม่ค่อยจะรู้จักฟังคนอื่นและมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาหรือมีความยากลำบากในการแสดงออกด้วยคำพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสื่อสารกับคนอื่น
เคราะห์กรรมที่เลวร้ายกว่าการที่เกิดมาหูหนวกคือการมีหูแล้วไม่ยอมฟังให้รู้เรื่องหรือมีลิ้นแล้วกลับไม่ยอมพูดในสิ่งที่ต้องพูดดังนั้นเราจึงต้องการการสัมผัสที่สามารถรักษาให้หายได้ขององค์พระเยซูเจ้าถ้าหากว่าเราต้องการใช้พระพรอันทรงคุณค่าทั้งสองประการนี้อย่างดี
การอัศจรรย์นี้มิใช่ต้องการสื่อถึงการรักษาให้หายทางร่างกายของเรามนุษย์ที่เป็นหูหนวกและใบ้พูดไม่ได้เป็นสำคัญแต่ต้องการที่จะสื่อให้เรารู้จักเปิดหูของเราเพื่อรับฟังพระวาจาของพระเจ้าและให้คลายลิ้นของเราออกมาเพื่อจะยืนยันความเชื่อของเราในองค์พระเยซูคริสตเจ้า
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมพิธีกรรมสัมผัสหูและลิ้นได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในพิธีกรรมของศีลล้างบาปจากยุคต้นๆของพระศาสนจักรและยังคงได้รับการปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้…เพื่อให้ผู้รับศีลล้างบาปที่หูของเขาได้รับการสัมผัสจากพระเยซูเจ้าผ่านทางพระสงฆ์ผู้แทนของพระองค์จะได้รับพระวาจาของพระองค์และปากของเขาที่ได้รับการสัมผัสจากพระองค์ก็จะประกาศยืนยันความเชื่อของตนในพระองค์อันเป็นการสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระบิดาเจ้า
เราต้องการที่จะสามารถรับฟัง
พระวาจาของพระเจ้าด้วยหูของเรา
และเราต้องการที่จะสามารถประกาศยืนยัน
พระวาจานั้นด้วยปากของเรา
เราต้องการนำเอาพระวาจานั้นมาใช้ในชีวิตของเรา
พระวาจาของพระเจ้าที่เราได้ยิน
และที่เราได้ยืนยัน
และนำเอามาเป็นชีวิตของเรานั้น
จะเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ตกลงบนดินดี
อันจะทำให้ชีวิตของเราผลิตผลอุดมสมบูรณ์
สมจะได้รับพระอาณาจักรสวรรค์เป็นรางวัล
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์