สมณสารเกี่ยวกับพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งใน“คิดสักนิด..สะกิดใจ”ในอาทิตย์ของการสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลอัครสาวกสองนักบุญผู้ยิ่งใหญ่สองเสาหลักผู้วางรากฐานให้แก่พระศาสนจักรแต่อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ผ่านมาเราคริสตชนก็มีการฉลองยิ่งใหญ่อีกวันในปฎิทินของพระศาสนจักรนั่นคือด้วยการสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าหัวใจของพระเยซูเจ้าที่ทรงรักมนุษย์ทุกคนทั้งคนชอบธรรมและคนบาปทรงเป็นลูกแกะบูชายัญที่ถูกประหารเพื่อความรอดพ้นของมนุษยชาติและบ่อเกิดแห่งพระหรรษทานอันอุดมสำหรับมนุษย์ทุกคนดังที่นักบุญยอห์นกล่าวไว้ว่า“เมื่อเราจะถูกยกขึ้นจากแผ่นดินเราจะดึงดูดทุกคนเข้ามาหาเรา”(ยน.12:32) ดังนั้นคอลัมน์ในอาทิตย์นี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสมณสารเกี่ยวกับพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าดังนี้
ในปี1856 พระสันตะสำนักทรงอนุญาตให้คริสตชนทั่วโลกทำวันฉลองพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมาสมเด็จพระสันตะปาปาทุกองค์ทรงส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยอย่างเป็นทางการ ในปี1899 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่13 ทรงประกาศพระสมณสาสน์“ปีศักดิ์สิทธิ์”(Annum Sacrum) ทรงอธิบายหลักการทางเทววิทยาของการมอบถวายตน(consecration) แด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าโดยเน้นเป็นพิเศษว่ากิจการใดๆที่แสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า“เป็นการแสดงความเคารพต่อพระบุคคลของพระเยซูเจ้าโดยตรงอย่างแท้จริง”
ในปี1928 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่11 ทรงประกาศพระสมณสาสน์พระผู้ไถ่ผู้ทรงเมตตากรุณาอย่างยิ่ง(Miserentissimus Redemptor) ทรงย้ำคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่13 เกี่ยวกับการมอบถวายตนแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและทรงอธิบายเพิ่มเติมว่าความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยยังต้องมีลักษณะการชดเชยบาปพระองค์ยังทรงนิยามคารวกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าว่าเป็น“แก่นแท้ทั้งหมดของศาสนาคริสตศาสนาและยังเป็นบรรทัดฐานสำหรับการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบ”เพราะความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยกระตุ้นใจเราให้รักพระเยซูเจ้าอย่างแรงกล้ายิ่งขึ้นและชวนเราให้ปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์ด้วยใจกว้าง
ในปี1956 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่12 ทรงประกาศพระสมณสาสน์จงตักน้ำ(Haurietis Aquas) ทรงปกป้องความถูกต้องของคารวกิจนี้จากผู้ที่ไม่ยอมรับและทรงชี้แนะแนวทางแห่งการปฏิรูปความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยเพราะทรงยอมรับว่าวิธีปฏิบัติของคริสตชนหลายครั้งมีข้อบกพร่องและอาจจะเสี่ยงต่อข้อความเชื่อของพระศาสนจักรสำหรับพระองค์คารวกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็น“การยืนยันและการปฏิบัติศาสนาคริสต์อย่างถูกต้อง” เพราะเป็นการเคารพความรักของพระเจ้าที่พระเยซูเจ้าทรงสำแดงแก่เราและเป็นการแสดงความรักของเราต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์“บรรดาสัตบุรุษต้องแสวงหาความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้าจากพระคัมภีร์จากธรรมประเพณีและจากพิธีกรรมประดุจจากสายน้ำใสบริสุทธิ์หากเขาอยากรู้ซึ้งถึงธรรมชาติแท้ของความศรัทธานี้และอยากได้รับอาหารเลี้ยงความกระตือรือร้นและความมั่นคงในศาสนา” (100)
ในปี1979 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 ประกาศพระสมณสาสน์ฉบับแรก“พระผู้ไถ่มนุษย์” (Redemptor Hominis) ทรงอ้างโดยตรงถึงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าว่า“การไถ่บาปมนุษย์ในความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดก็คือความยุติธรรมบริบูรณ์ในพระหฤทัยของมนุษย์คือพระหฤทัยของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้าเพื่อความยุติธรรมของพระองค์จะกลายเป็นความยุติธรรมในใจของมนุษย์มากมายผู้ถูกเรียกให้มารับความรัก” (9)
และเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16 ยังเป็นพระคาร์ดินัลทรงเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า“จงมองผู้ที่ถูกแทง”พระองค์จึงทรงแสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยอย่างลึกซึ้งจึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่ในปีแรกของสมณสมัยพระองค์ก็ทรงเขียนพระสมณสาสน์เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าในแง่ที่ว่าความรักเป็นธรรมชาติของพระเจ้า
ในปี2005 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16 ทรงประกาศพระสมณสาสน์“พระเจ้าทรงเป็นความรัก”(Deus Caritas Est) ทรงอธิบายว่าการเป็นคริสตชนไม่ได้เป็นผลของการปฏิบัติธรรมหรือเป็นความคิดที่ลึกซึ้งแต่เป็นการพบกับเหตุการณ์หรือบุคคลซึ่งเปิดมิติใหม่และให้แนวทางที่แน่นอนแก่ชีวิตบุคคลนั้นคือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้า“พระคัมภีร์เล่าประวัติศาสตร์ความรักของพระเจ้าว่าพระองค์เสด็จมาพบเราทรงหาวิธีต่างๆที่จะชนะใจเราจนถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์จนถึงพระหฤทัยที่ถูกแทงของพระองค์บนไม้กางเขนจนถึงพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์และกิจการยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ทรงนำทางแก่พระศาสนจักรแรกเริ่มโดยอาศัยการกระทำของบรรดาอัครสาวก” (17)
ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยจึงเตือนเราให้ระลึกว่าพระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์“สุดจิตใจ” โดยความสมัครพระทัยและความกระตือรือร้นพระองค์ทรงสอนเราว่าเราต้องทำความดีด้วยความยินดีเพราะ“การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ” (กจ. 20:35) และ“พระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี” (2 คร. 9:7) การกระทำเช่นนี้ไม่มาจากความตั้งใจของมนุษย์แต่เป็นพระหรรษทานที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่เราเป็นของประทานจากพระจิตของพระองค์ทำให้ทุกสิ่งเป็นเรื่องง่ายและค้ำจุนชีวิตประจำวันของเราแม้ในเวลาถูกทดลองและเผชิญกับยากลำบาก
ที่มา: http://www.shb.or.th/article/sacredheart/kho_7/kho_7.html