ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี C
ลก12: 32-48…ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใดใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย…ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย…
เราเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าและเป็นคนรับใช้ซึ่งกันและกัน…แต่ว่าเราเป็นคนรับใช้ประเภทไหน?…ให้เราได้ขออภัยโทษจากพระเจ้าเพราะบาปต่างๆของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่ใส่ใจในการรับใช้พระองค์และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ข้อคิด…หลายๆคนคงได้เคยขึ้นเครื่องบินกันแล้ว ก่อนที่เครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจะมีเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินบอกบางอย่างแก่เราเช่น“ขอให้ท่านให้ความสนใจกับสิ่งที่เราจะแสดงให้ท่านดูเพื่อความปลอดภัยของท่านขณะที่เครื่องกำลังบินอยู่”…แล้วจึงตามมาด้วยการสาธิตให้ดูถึงการคาดเข็มขัดนิรภัยและให้คำแนะนำกับท่านว่าควรคาดเข็มขัดนี้ในขณะที่เครื่องกำลังจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเขาจะบอกให้ท่านทราบทางออกฉุกเฉินและจะทำอย่างไรเมื่อเกิดการเตือนฉุกเฉินการใช้หน้ากากออกซิเจนของแต่ละคนที่จะหย่อนลงมาตรงหน้าของท่านและจะบอกท่านว่าใต้ที่นั่งของท่านมีเสื้อชูชีพเพื่อใช้ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องเครื่องบินตกฯลฯ
เบื้องหลังทุกอย่างของความมุ่งหมายเหล่านี้ก็เพื่อช่วยผู้โดยสารให้เตรียมตัวไว้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย…แต่มีกี่คนที่ให้ความสนใจในสิ่งที่เจ้าหน้าที่เตือนเพราะว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ตกใจกลัวนั้นถ้ายังไม่เกิดขึ้นจริงๆคนเราก็จะยังไม่ตระหนกตกใจกลัวและร้องหาคนช่วย
ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงให้คำแนะนำในเรื่องของเที่ยวบินแห่งชีวิตเที่ยวบินที่เราทุกคนกำลังโดยสารและเดินทางอยู่พระองค์ตรัสให้เราเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่มิได้คาดหมายเอาไว้เหมือนกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับต้อนรับนายที่จะกลับมา…มิใช่ด้วยความกลัวแต่ด้วยความเชื่อศรัทธาและความไว้วางในในพระเจ้า
ในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินไปเรามีความตระหนักเพิ่มมากขึ้นว่าชีวิตกำลังผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วและรับรู้ว่าจะจัดการกับชีวิตของตนอย่างไรเพื่อการนี้…ชีวิตของเรามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนหินหรือจากโลหะที่แข็งแรงคงทนแต่ถูกสร้างมาจากวัสดุที่เปราะบางมากชีวิตสามารถจะถูกพรากไปจากเราได้ในชั่วพริบตาเดียวโดยรับรู้ได้จากประสบการณ์ที่เราได้พบได้เห็นจากคนที่อยู่ด้วยกันกับเราซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนของเราคนที่เรารู้จักคนที่เรารักอย่างไรก็ตามชีวิตที่สั้นและเปราะบางนี้จะนำเราไปสู่บ้านแท้ของเราอันเป็นบ้านที่จะทำให้เราเป็นสุขไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์
พระเยซูเจ้าทรงตระหนักดีถึงความไม่แน่นอนของชีวิตเรามนุษย์เรื่องอุปมาของพระองค์จึงทรงเน้นถึงความจริงที่ว่าความตายจะมาถึงเราได้ในทุกขณะไม่ใช่ว่าพระเจ้าจะมาพรากเอาชีวิตของเราโดยที่ไม่ได้ให้โอกาสเราได้เตรียมตัวเหมือนกับขโมยที่แอบเข้าไปขโมยของในบ้านโดยที่เจ้าของบ้านไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว…นั่นไม่ใช่เป็นพฤติกรรมที่พระเจ้าจะทรงกระทำกับเรามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างของพระองค์ความตายจึงไม่ใช่ว่าพระเจ้าจะมาทวงคืนชีวิตของเราไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ความไม่แน่นอนของชีวิตไม่ควรเป็นอุปสรรคคอยขัดขวางเราจากการใช้ชีวิตปัจจุบันอย่างเป็นสุขและอย่างไม่ผิดศีลธรรม…ทุกคนควรจะต้องวางแผนว่าเราจะจบชีวิตของเราแบบใดดีแม้เราจะไม่ทราบว่าเราจะมีโอกาสกระทำตามนั้นอย่างครบถ้วนหรือไม่แต่ว่าสิ่งที่เราต้องกระทำคือเมื่อเรายังมีชีวิตยังมีเวลาเราจะต้องมีความซื่อสัตย์ความรับผิดชอบและอุทิศตนในหน้าที่การงานของตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนกับผู้รับใช้ที่พระเยซูเจ้าตรัสถึง…แล้วเราก็จะสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าเช่นเดียวกับที่อับราฮัมได้กระทำเป็นแบบอย่างให้กับเราคือมีความไว้วางใจในพระพรและความรักเอาใจใส่ของพระเจ้าแล้วนั้นพระองค์ก็จะทรงอวยพรให้กับชีวิตของเราตั้งแต่อยู่ในโลกนี้
มีเรื่องเล่าว่ามีตลกหลวงคนหนึ่งเขาทำให้พระราชาและบรรดาข้าราชการได้รับความขบขันและความสนุกเพลิดเพลินจากคำพูดและการแสดงของเขามาเป็นเวลาหลายปีแต่อยู่มาวันหนึ่งเขาได้กระทำสิ่งไม่บังควรและจะต้องถูกลงโทษให้ประหารชีวิตก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปลงโทษพระราชาได้เรียกเขามาเฝ้าและกล่าวกับเขาว่า“เมื่อมาคิดๆดูแล้วเราเห็นว่าเจ้าได้ทำให้เรามีความสุขสนุกสนานมาเป็นเวลานานหลายปีเราจะอนุญาตให้เจ้าเลือกวิธีที่จะตาย”
ตลกหลวงคิดอยู่ชั่วครู่และตอบว่า“ข้าแต่พระราชาถ้าพระองค์ไม่ทรงว่าอะไรข้าพเจ้าขอเลือกวิธีที่จะตายโดยการแก่ตาย” พระราชาก็ทรงอนุญาตให้ตามที่เขาขอ…พวกเราส่วนใหญ่ก็คงจะเลือกแบบเดียวกับตลกหลวงผู้นี้แต่เราไม่ทราบว่าพระเจ้าจะทรงให้ตามที่เราขอหรือเปล่า…
เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและรับใช้ซึ่งกันและกัน…ผู้รับใช้ที่มีความซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบก็เป็นสุข…ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์จะไม่กลัวว่านายจะกลับมาเวลาใดเพราะเขาพร้อมเสมอที่จะต้อนรับนายณเวลาใดก็ได้
สำหรับผู้รับใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่ว่าเวลาใดก็เป็นเวลาเลวร้ายสำหรับเขาเสมอส่วนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ไม่ว่าเวลาใดก็เป็นเวลาดีเสมอสำหรับเขา…“เรามิได้ถูกเรียกมาเพื่อให้ประสบความสำเร็จแต่ถูกเรียกมาเพื่อให้มีความซื่อสัตย์” (แม่ชีเทเรซาแห่งกัลกัตตา)
เราต้องไม่ลืมว่าชีวิตของเราบนโลกใบนี้เป็นการเดินทางชีวิตในความเชื่อและเป็นการจาริกแห่งความหวัง…และแต่ละก้าวเดินแห่งชีวิตของเราแต่ละคนก็มีแสงสว่างพอเพียงสำหรับก้าวเดินแต่ละก้าวที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้าก้าวไปสู่ชีวิตที่เป็นนิรันดร์…
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์