ข้อคิดอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ปี B
ยน 2: 13-25…ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์ เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า…จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน…
เรามาชุมนุมกันในบ้านของพระเจ้าซึ่งเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนาและกราบไหว้นมัสการพระเจ้า เฉพาะพวกเราเท่านั้นที่สามารถบันดาลให้วัดนี้ เป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา…ขอให้การอธิษฐานภาวนาของเราเป็นการกราบไหว้นมัสการพระเจ้าของเราอย่างแท้จริง
ข้อคิด…พฤติกรรมของพระเยซูเจ้าในการชำระล้างพระวิหาร เป็นการประท้วงต่อต้านการเอาศาสนามาทำเป็นธุรกิจการค้าและเป็นการประท้วงต่อการทำทุรจารต่อพระวิหารของพระเจ้า…แต่ว่าลึกๆลงไป น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น พฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมทางสัญลักษณ์ตามแบบอย่างของพระธรรมเก่าดังที่ท่านประกาศกเยเรมีย์ได้กล่าวในนามของพระยาเวห์ว่า “พระนิเวศน์ซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ในสายตาของเจ้าได้กลายเป็นถ้ำของโจรไปแล้วหรือ” (ยรม 7: 11) และท่านประกาศกมาลาคี “พระเจ้าผู้ซึ่งเจ้าแสวงหานั้น จะเสด็จมายังพระวิหารของพระองค์อย่างกระทันหัน” (มลค 3: 1) และจากแบบอย่างของประกาศกในสมัยพระธรรมเก่า พระเยซูเจ้าได้ทรงตำหนิระบบการถวายเครื่องบูชาของชนชาวยิว พระองค์ได้ประกาศว่าการถวายคารวกิจของพระวิหารที่มีพิธีกรรมเอาสัตว์มาถวายเป็นเครื่องบูชา เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่มีมรรคผลแต่อย่างใดที่จะนำประชาชนมาหาพระเจ้า พระองค์กำลังจะทำให้การนำสัตว์มาถวายเป็นเครื่องบูชา ถูกทดแทนด้วยการกราบไหว้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ
พระองค์ยังได้ประท้วงวิธีการทางศาสนาของชนชาวยิว ที่ยังแสดงออกถึงจิตใจที่คับแคบ เป็นแบบชาตินิยม และกันไว้สำหรับพรรคพวกของตัวเองโดยเฉพาะ ชนชาวอิสราเอลมิได้บรรลุถึงความสำเร็จในพันธกิจสากลของตนสำหรับมนุษยชาติ…เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้พระนิเวศน์ของพระองค์เป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา “สำหรับนานาชาติ”…พระนิเวศน์ของพระเจ้านี้เป็นแต่เพียงสงวนไว้สำหรับชนชาวยิวและให้ชนชาติอื่นรู้สึกอิจฉาตาร้อนกันเท่านั้น ชนต่างชาติไม่กล้าที่จะเข้าไปในพระนิเวศน์ของพระเจ้า เพราะเป็นการละเมิดและอาจจะโดนทำโทษถึงขั้นโดนประหารชีวิตดังที่พระเยซูเจ้าจะได้ประสบพบด้วยพระองค์ในภายหลัง… พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่าการช่วยให้รอดพ้นมิใช่สำหรับชนชาวยิวเท่านั้น แต่ว่าสำหรับทุกๆคน
สำหรับบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสืออพยพ (อพย 20: 1-3, 7-8, 12-17) ได้พูดถึงพระบัญญัติ 10 ประการซึ่งเปรียบเสมือนเป็น “วาระแห่งชีวิต” สำหรับชนชาติหนึ่งที่ชื่นชมกับการมีความสัมพันธ์พิเศษกับพระเจ้า พระบัญญัติ 10 ประการนี้ต้องถูกถือเสมือนว่าเป็นพระพร มิใช่เป็นภาระ และพระเยซูเจ้าเองได้ทรงทอนพระบัญญัติ 10 ประการนี้ ให้ลงเหลือเป็นพระบัญญัติ 2 ประการ คือ “ความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์”
ส่วนในพระวรสาร เราจะเห็นภาพลักษณ์ที่ไม่สู้จะได้แลเห็นบ่อยนักที่พระเยซูเจ้าแสดงอาการโกรธเคืองถือแส้ขับไล่คนและสัตว์ออกจากพระวิหาร เพราะพระองค์ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะมาทธุรกิจค้าขายในพระวิหารของพระเจ้า ตรงข้ามภาพลักษณ์ส่วนใหญ่ของพระเยซูเจ้าที่เราแลเห็นในพระวรสาร จะเป็นภาพลักษณ์ของคนที่อ่อนโยนสุภาพซึ่งก็มิใช่หมายความว่าพระองค์เป็นคนอ่อนแอ เพราะเมื่อโอกาสเรียกร้อง พระองค์ก็สามารถเป็นคนที่เข้มแข็งและจริงจัง…โดยปรกติแล้ว เรามักจะถือว่าความโกรธเป็นบาป แต่ว่าจริงๆแล้ว ในตัวของมันเองความโกรธเป็นเพียงแต่อารมณ์หรือความรู้สึกซึ่งเป็นทั้งไม่ใช่สิ่งดีและสิ่งไม่ดีในแง่ของจริยธรรม
เป็นความจริงที่ว่าความโกรธเป็นสิ่งอันตราย เพราะจะทำให้เราพูดหรือทำในสิ่งที่อาจจะถึงขึ้นทำร้ายหรือทำลายชีวิตของตนเองหรือของคนอื่นได้ และเราจะต้องมาเสียอกเสียใจภายหลัง แต่ว่าในเวลาเดียวกันซึ่งน้อยครั้งมากที่ความโกรธอาจจะเป็นสิ่งดีก็ได้ เช่นเรารู้สึกโกรธเคืองเพราะเกิดมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อความไม่เป็นธรรมหรือการเลือกปฏิบัติ ความโหดร้ายที่ปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นการแสดงออกของความรักต่อเพื่อนพี่น้องที่ถูกกระทำเช่นนั้น
เราต้องมองดูสิ่งที่ทำให้เราโกรธเคือง…ความโกรธเคืองของเราส่วนใหญ่เกิดจากการเห็นประโยชน์ส่วนตนและเราก็มักจะโกรธเคืองในเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
พระเยซูเจ้ามิได้รู้สึกโกรธเคืองในเรื่องส่วนตัวของพระองค์เอง ความโกรธเคืองของพระองค์เกิดจากความรักที่พระองค์มีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์…พฤติกรรมของพระองค์ในพระวิหารถูกมองว่าเป็นการประท้วงต่อการเอาเรื่องของศาสนามาซื้อขายและการทำให้พระนิเวศน์ของพระเจ้าต้องเปื้อนหมอง แต่ว่าจริงๆแล้วมีอะไรมากกว่านั้นอีก
ประการที่หนึ่ง…พระเยซูเจ้ากำลังประท้วงว่าชนชาวอิสราเอลได้พลาดที่จะทำให้พันธกิจสากลของตนที่มีต่อมนุษยชาติสำเร็จลุล่วงไป…การศาสนาได้กลายเป็นอะไรที่ทำให้เห็นถึงความใจแคบ ชาตินิยมและเอาแต่พรรคพวกของตนเอง พระวิหารซึ่งจะต้องเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา “สำหรับนานาชาติ” กลับกลายเป็นสมบัติที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับชนชาวอิสราเอลเท่านั้น การช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้ามิใช่สำหรับชนชาวยิวเท่านั้น แต่ว่าสำหรับประชาชนทุกๆคน
ประการที่สอง…พระเยซูเจ้ากำลังโจมตีธรรมชาติของการถวายคารวกิจแด่พระเจ้าของชนชาวยิว…พิธีกรรมต่างๆทั้งหลายของพระวิหารและการถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชา เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่สามารถทำอะไรได้เลยในอันที่จะนำประชาชนมาหาพระเจ้า พระองค์กำลังจะทดแทนการถวายเครื่องบูชาแบบที่ว่านี้ด้วยการกราบไหว้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ…การกราบไหว้นมัสการพระเจ้าเรียกร้องจากพวกเราอะไรที่มากกว่าการถวายสิ่งของต่างๆแด่พระเจ้าและการประกอบพิธีกรรมบางชนิด สิ่งที่พระเจ้าต้องการมากกว่าหมด ก็คือการถวายบูชาชีวิตของพวกเราเอง
ขอพระเจ้าช่วยเราให้ทำพระวิหารวัดของเรา บ้านของเราและตัวของเรา ได้กลายเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา บ้านแห่งความชื่นชมยินดีและบ้านแห่งเอกภาพ และขอให้สิ่งที่เราทำหรือประกอบพิธีกรรมในพระวิหารนี้ ได้ช่วยเราให้ถวายแด่พระเจ้าซึ่งการกราบไหว้นมัสการพระองค์อย่างแท้จริงด้วยชีวิตของเราเอง
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์