ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา ปี B
ยน 10:11-18…ผู้เลี้ยงแกะที่ดียอมสละชีวิตเพื่อแกะของตน…เรายังมีแกะอื่นๆซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้…จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว
ในบรรดาภาพลักษณ์ทั้งหลายของพระเยซูเจ้าที่เรามีอยู่ ภาพลักษณ์ที่น่ารักที่สุดภาพหนึ่ง ก็น่าจะเป็นภาพของ“ผู้เลี้ยงแกะที่ดี”และเป็นองค์พระเยซูเจ้าที่ได้ทรงใช้ภาพนี้เพื่อหมายถึงพระองค์เอง…ให้เราลองสำรวจดูตัวเราเองว่าเราได้มีความไว้เนื้อเชื่อใจและได้พยายามติดตามอย่างใกล้ชิดพระผู้เลี้ยงแกะที่ดีท่านนี้อย่างไรบ้าง?…
ข้อคิด…ภาพลักษณ์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดภาพหนึ่งสำหรับงานอภิบาล ก็คือภาพลักษณ์ของคนเลี้ยงแกะซึ่งนำฝูงแกะของตนไปในทุ่งกว้างและคอยปกป้องดูแลพวกมันให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ…ในสมัยของพระเยซูเจ้า มีฝูงแกะมากมายหลายๆฝูง แต่ละฝูงก็คงจะมีแกะเป็นร้อยเป็นพันตัว จึงต้องมีผู้เลี้ยงแกะที่มีความชำนาญและความกล้าหาญที่จะคอยดูแลพวกมัน ฝูงแกะก็คงจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในทุ่งกว้างจากเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกๆปี ส่วนในฤดูหนาว(พฤศจิกายนถึงมีนาคม) คนเลี้ยงแกะและแกะก็จะต้องใช้ชีวิตภายใต้ชายคา แต่ว่ารอบๆฝูงแกะตามหุบเขาก็เต็มไปด้วยอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสัตว์ร้ายที่คอยจะจู่โจมจับแกะกินเป็นอาหาร คนเลี้ยงแกะจึงต้องมีอาวุธติดตัวไว้บ้าง เช่นมีด ไม้ตะบอง ฯลฯ คอยป้องกันตัวและฝูงแกะของตนซึ่งเราสามารถแลเห็นได้จากตัวอย่างของชายหนุ่มดาวิดที่ได้เล่าเรื่องของตนที่จะไปต่อสู้กับยักษ์โกเลียธชาวฟิลิสเตียเพื่อให้กษัตริย์ซาอูลได้คลายความกังวลว่า
“ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา เมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ข้าพระบาทก็ไล่ตามฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับหนวดเคราของมันและทุบตีมันจนตาย…พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์และจากขยุ้มเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” (1 ซมอ 17: 34…)
แน่นอนการเลี้ยงฝูงแกะในสมัยของพระเยซูเจ้านั้น เป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยอันตราย การใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งกว้างเป็นเรื่องที่ยากลำบากซึ่งจะต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆเพื่อหาทุ่งหญ้าใหม่และบ่อน้ำ บางครั้งก็จะต้องล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของคนอื่นซึ่งจะยอมหรือไม่ยอมให้ใช้สอยหรือไม่ ก็ไม่รู้ อันเป็นความกังวลของคนเลี้ยงแกะโดยทั่วๆไป
พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้เลี้ยงแกะที่ดี…ภาพลักษณ์ที่เร่ร่อนไปเรื่อยๆของคนเลี้ยงแกะที่ดี แต่ก็เอาใจใส่เลี้ยงดูไม่ทอดทิ้งฝูงแกะของตนถึงขั้นที่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อแกะเหล่านั้นนี่เป็นภาพลักษณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้เกี่ยวกับตัวพระองค์เองในพระวรสารของวันนี้ เป็นการผสมผสานกันระหว่างความอ่อนโยนและความเข้มแข็ง ระหว่างความเอาใจใส่และการยอมอุทิศตนเพราะรักอันเป็นบทสรุปของการปฏิบัติของพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นผู้นำ มิใช่เป็นแบบผู้นำที่คอยแต่จะหนีเอาตัวรอดหรือคอยแต่ปกป้องตัวเอง แต่ว่าเป็นแบบผู้นำที่ทุ่มเททั้งกำลังใจและกายและการยอมเสียสละตนเองเพราะรัก อันคำนึงถึงชีวิตของฝูงแกะมากกว่าชีวิตของตนเอง
คนเลี้ยงแกะที่ดีมิใช่เป็นภาพลักษณ์ของการมีอำนาจทางศาสนาซึ่งเอาแต่สร้างความพึงพอใจให้กับความสำคัญของตนเอง โดยไม่ยอมเหลียวแลดูความเจ็บปวดของผู้ที่กำลังติดตาม… ภาพลักษณ์ของคนเลี้ยงแกะไม่สามารถถูกแยกออกจากการที่เขาคนนั้นได้เอาใจใส่ต่อแกะของตนอย่างไร…ความใส่ใจของเขามิใช่ไม่มีปัญหาหรือความเจ็บปวด…ความกล้าหาญของเขามิใช่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ…ความรักของเขามิใช่ไม่ต้องแสดงออกด้วยการกระทำและชีวิต…และเราสามารถแลเห็นความอ่อนโยนและความกล้าหาญขององค์พระเยซูเจ้าได้จากชีวิตของพระองค์เอง
- พระเยซูเจ้ากล้าเผชิญหน้ากับคู่อริของพระองค์
- พระองค์จะเดินนำหน้าผู้ติดตามพระองค์
- พระองค์จะปกป้องคนของพระองค์เมื่อพวกเขาถูกรังแก
- พระองค์ทนต่อการถูกโดดเดี่ยวและการถูกสบประมาท
- พระองค์เสี่ยงที่จะถูกฆ่าเป็นบูชายัญเสียเอง
- พระองค์ยอมมอบชีวิตของพระองค์เพื่อฝูงแกะของพระองค์
งานอภิบาลของคนเลี้ยงแกะที่ดี…ในชีวิตและในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงแสวงหาแกะที่หายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกะตัวที่น่าสงสารและที่เล็กที่สุด ตัวที่อ่อนแอที่สุด… เมื่อพระองค์ต้องการจะพูดถึงพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน พระองค์ก็ได้บอกกับประชาชนถึงคนเลี้ยงแกะที่ดีว่าเมื่อแกะตัวหนึ่งได้หายไป คนเลี้ยงแกะที่ก็ยอมทิ้งแกะที่เหลือทั้งหมดไว้ พลางออกไปตามหาตัวที่พลัดหลงหายไป พระองค์จะตามหาแกะที่หายไปจนกว่าจะพบ และแล้วนั้นก็จะอุ้มมันขึ้นบ่าแบกกลับบ้านเพื่อที่จะแบ่งปันความชื่นชมยินดีที่ได้พบแกะที่พลัดหลงหายไป กับเพื่อนบ้านทุกๆคน
นี่เป็นภาพลักษณ์ของงานอภิบาลของคนเลี้ยงแกะที่ดี อันจะเป็นการค้นหาไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบ พวกเราทุกคนต่างก็หวังว่าถ้ามีวันหนึ่งที่คนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเรา ได้พลัดหลงหายไป ก็จะมีผู้ที่คอยตามหาจนกว่าจะพบ ดังเช่นคนเลี้ยงแกะที่ดี
คนเลี้ยงแกะที่ดีท้าทายพวกเราว่าเราจะปฏิบัติอย่างไรต่อผู้ที่พลัดหลงหายไปจากหมู่คณะของเรา…”เราได้เสด็จมาเพื่อแสวงหาและช่วยผู้ที่พลัดหลงหายไป”…บางทีเราแต่ละคนอาจจะรู้ว่ามีบางคนได้พลัดหลงออกจากพระศาสนจักรหรือหมู่คณะของเราไป…แต่เขาผู้นั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อเขากลับเข้ามาแล้ว จะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านหรือไม่ยอมรับจากบรรดาสมาชิกคนอื่นๆ…
สิ่งที่ทำให้คนเลี้ยงแกะที่ดีแตกต่างอย่างมากจากลูกจ้าง ก็คือคนเลี้ยงแกะรักงานของตนอย่างเป็นชีวิตจิตใจ เขาให้ความสนใจกับงานและยอมอุทิศตนให้กับงานนั้นซึ่งก็มิใช่เป็นงานง่ายสำหรับทุกคน…“ความรักทำให้สิ่งยาก เป็นสิ่งง่าย”…และเป็นความรักนี้เองที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนงานยากต่างๆของเราให้เป็นเรื่องง่าย เพียงแต่ขอให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยรัก…รักในพระเจ้า ในพระเยซูเจ้าและรักในเพื่อนพี่น้อง
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์