ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ปี B
ยน 15:1-8…กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเราและเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก…
คริสตชนจะต้องไม่ถูกโดดเดี่ยว เพราะคริสตชนทุกคนถูกผูกติดไว้กับพระคริสตเจ้าและกับคริสตชนคนอื่นๆทั้งหลาย ดังที่พระองค์บอกกับพวกเราในพระวรสารวันนี้ว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน”…บ่อยๆครั้งเราทำเป็นไม่รู้จักเพื่อนพี่น้องของเราและชอบทำร้ายทำลายคนอื่น แต่ว่าในขณะเดียวกัน เราก็มักจะชอบใช้ชีวิตเพียงเพื่อตัวเราเองอย่างเดียวโดยไม่สนใจคนอื่นที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา…ให้เราขออภัยโทษจากพระองค์…
ข้อคิด…จากบทอ่านที่หนึ่ง(กจ 9: 21-36) นักบุญเปาโลหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้ทรงทำให้ท่านกลับมาหาพระองค์แล้ว ท่านก็ได้แสดงออกซึ่งความเชื่อศรัทธาต่อองค์พระเยซูเจ้าอย่างลึกซึ้งและอย่างซื่อสัตย์ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และด้วยการเทศน์สอนอย่างกล้าหาญเดชะพระนามของพระเยซูเจ้าและด้วยการยอมรับความทุกข์ยากลำบากต่างๆในการประกาศข่าวดีของพระองค์
ส่วนในพระวรสาร (ยน 15: 1-8) เราคงจะสามารถจินตนาการออกมาให้เห็นเป็นภาพที่น่ารักมากๆของเถาองุ่นและกิ่งองุ่นซึ่งเป็นภาพเปรียบเทียบที่พระเยซูเจ้าทรงเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระองค์กับบรรดาศิษย์…เถาองุ่นและกิ่งองุ่นต่างก็มีความต้องการซึ่งกันและกันเถาองุ่นไม่สามารถออกผลองุ่นได้ถ้าหากว่าไม่มีกิ่งองุ่น กิ่งองุ่นเองก็มีความต้องการให้ถูกริดกิ่งริดใบออกไปบ้าง(ด้วยการถูกทดลองต่างๆนาๆ) เพื่อจะออกผลองุ่น(นักบุญเปาโลน่าจะเป็นตัวอย่างได้ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้)
พระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวถ้อยคำ “เราเป็นเถาองุ่น ท่านเป็นกิ่งก้าน” ในช่วงสุดท้ายของการรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับอัครสาวกของพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะทรงมอบพระองค์เองให้กับศัตรูของพระองค์เอาไปตรึงที่ไม้กางเขน เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวและความใกล้ชิดระหว่างพระองค์กับพวกเขา
ช่างเป็นค่ำคืนที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะถูกทำให้แตกหัก ถูกทำให้กระจัดกระจายไปและกำลังจะไปถึงจุดจบ…เป็นค่ำคืนที่บรรดาศิษย์ของพระองค์กำลังจะทอดทิ้งพระองค์ อัครสาวกคนที่พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของประชากรใหม่ของพระองค์ กำลังจะปฏิเสธพระองค์อย่างเปิดเผย และเพื่อนอัครสาวกอีกคนหนึ่งก็กำลังคิดทรยศต่อพระองค์ แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นค่ำคืนนี้นี่เองที่พระองค์ได้ทรงคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อที่จะกล่าวถึงเอกภาพและความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพวกเขา ทั้งบอกให้พวกเขารักกันและกันเหมือนกับที่พระองค์ทรงรักพวกเขา
ทีแรกคงจะดูเหมือนว่าเป็นช่วงเวลาที่แปลกๆที่ในขณะนั้นจะพูดถึงเรื่องของเอกภาพ แต่ถ้าหากเราจะได้พิจารณาไตร่ตรองดูให้ดีๆ ก็จะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากๆ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการจากกัน ในยามที่จะต้องจากกัน เราคงจะต้องพูดและทำแต่เรื่องที่สำคัญๆ…พระเยซูเจ้าก็เช่นกัน ณ เวลาที่จะต้องพรากจากกันนี้ พระองค์คงรู้สึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ และพระองค์ก็ยอมให้พวกเขารับรู้ถึงความรู้สึกนี้ของพระองค์ ทั้งพระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์ในยามนี้…แต่พระองค์ก็สามารถคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะทอดทิ้งพระองค์ในค่ำคืนนั้น พระองค์ได้ทรงเห็นล่วงหน้าว่านักบุญเปโตรจะปฏิเสธพระองค์และยูดาสจะทรยศต่อพระองค์การทรยศเป็นสิ่งที่น่ากลัวสุดๆ แต่พระเยซูเจ้าก็ยังคงมีความมั่นใจสุดๆว่าแม้มีสิ่งเลวร้ายดังที่ว่านั้น เกิดขึ้นในระหว่างหมู่ศิษย์ของพระองค์ แต่ว่าเอกภาพของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็ยังจะต้องอยู่ในหมู่พวกเขา
พวกอัครสาวกได้เรียนรู้อย่างมากมายเกี่ยวกับความอ่อนแอและความขี้ขลาดหวาดกลัวของตนเองเมื่อพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายต่างๆ แต่พวกเขาก็ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายเกี่ยวกับองค์พระเยซูเจ้า พวกเขาได้เรียนรู้ว่าพระองค์ได้ทรงรักพวกเขามากมายเพียงใด แม้ว่าพวกเขาจะเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ถ้าหากพวกเขาจะต้องพรากจากพระองค์ไป ก็ไม่ใช่เพราะว่าพระองค์ได้ทรงตัดขาดจากพวกเขา และเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ก็มิได้เกิดขึ้นดังที่ถูกคาดคะเนเอาไว้ว่าพระอาจารย์กับศิษย์คงจะต้องแยกทางกันเดินตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นไป ตรงข้าม ความผูกพันของพวกเขากับองค์พระเยซูเจ้า กลับได้รับการสานให้เหนียวแน่นกว่าเดิมด้วยอุปมาเรื่องกิ่งองุ่นกับเถาองุ่น
ด้วยการต่อสู้กับการดิ้นรนต่างๆ การต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและภัยอันตรายต่างๆร่วมกัน รวมทั้งด้วยการเสียสละที่จะทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวได้เติบใหญ่ขึ้นและลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
พวกเราซึ่งเป็นกิ่งก้านของเถาองุ่นแท้ซึ่งคือองค์พระเยซูเจ้านั้น ก็มีความต้องการที่จะให้ถูกริดใบริดกิ่งบ้าง มีสิ่งไร้ประโยชน์มากมายที่เข้ามาในชีวิตของเราซึ่งบางทีก็ก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่ตัวเราเองด้วย ในชีวิตของเราแต่ละคน สิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้จะดูดเอาน้ำเลี้ยงแห่งพลังในตัวเราไป อันจะทำให้การผลิดอกออกผลทางจิตวิญญาณของเราลดน้อยถอยลงไป แต่ถ้าหากพระองค์จะได้ริดใบริดกิ่งในตัวเราออกไปบ้างด้วยการทดลองต่างๆ ตัวเราก็จะสามารถผลิดอกออกผลอย่างมากมายยิ่งขึ้น การริดกิ่งริดใบด้วยการรับทนทุกข์ยากลำบากนี้ เราก็จะสามารถผลิดอกออกผลแห่งความเข้าใจซึ่งกันและกันและมีความเอื้ออาทรต่อกันในหมู่เพื่อนพี่น้องของเรามากยิ่งขึ้น
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์