ข้อคิดวันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ปี B
มก 14: 12-16, 22-25…จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา…นี่เป็นโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก…
พิธีบูชาขอบพระคุณเป็นการเฉลิมฉลองพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า= Corpus Christi…นักบุญเปาโลยังคงย้ำเตือนพวกเราอยู่บ่อยๆว่าเราเป็น“กายทิพย์ของพระคริสตเจ้า”…เมื่อเรามาชุมนุมกันรอบๆพระแท่นบูชาของพระองค์ กายทิพย์ของพระคริสตเจ้าก็จะปรากฎเด่นชัด ดังนั้นในขณะที่เรากำลังเตรียมจิตใจเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณนี้ ก็ขอให้เราได้รำลึกว่าเราควรจะต้องทำการคืนดีกับพระเจ้าและกับเพื่อนพี่น้องของเรา…
ข้อคิด…เรื่องของพันธสัญญายังคงเป็นเรื่องเด่นทั้งใน 3 บทอ่านของวันอาทิตย์นี้…บทอ่านจากหนังสืออพยพ 24: 3-8…บรรยายถึงการประทับตราพันธสัญญาที่ภูเขาซีนัยระหว่างพระเจ้าและชาวอิสราเอล พันธสัญญานี้ได้รับการประทับตราด้วยเลือดของสัตว์… เลือดเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตซึ่งพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว การสาดน้ำเสกด้วยเลือดเป็นสัญลักษณ์ของข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าทรงมีส่วนแบ่งปันในชีวิตกับพวกเขา
พระเยซูเจ้าเองก็ได้ทรงประทับตราพันธสัญญาใหม่ และเช่นเดียวกับพันธสัญญาเดิม…พันธสัญญาใหม่นี้ได้รับการประทับตราด้วยเลือดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าไม่ใช่เป็นเลือดของสัตว์ แต่เป็นพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเอง พิธีกรรมใหม่อันหมายถึง “พิธีบูชาขอบพระคุณ/มิสซา” ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นซึ่งจะเป็นการรำลึกถึงตลอดไปของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระเจ้าและประชากรของพระองค์ และในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้ พระเยซูเจ้าทรงแบ่งปันชีวิตของพระองค์กับพวกเรา
เดชะการสิ้นพระชนม์อันเป็นยัญบูชาขององค์พระคริสต์ พระผู้ทรงเป็นพระสงฆ์สูงสุด พระเจ้าก็ได้ทรงประทับตราพันธสัญญาใหม่และเป็นนิรันดร์กับประชากรของพระองค์(ในบทอ่านที่สอง)
หลังจากเรื่องราวของการสร้างโลก เรื่องราวของพันธสัญญาของพระเจ้าที่ทรงกระทำกับอับราฮัม ก็จะเป็นขณะเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญในพันธสัญญาเดิม เรื่องราวของการไถ่กู้ของเรามนุษย์เริ่มจากตรงนี้ คือพระคัมภีร์ได้กลายเป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ซึ่งได้รับการสรุปออกมาอย่างซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งด้วยกันในพันธสัญญาเดิมว่า “พวกท่านจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกท่าน”
พันธสัญญาจะไม่เหมือนกับความสัมพันธ์ซึ่งเรามนุษย์กระทำกันขึ้นที่ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอันเป็นเรื่องของผลประโยชน์โดยตรง แต่พันธสัญญาที่ว่านี้ น่าจะเป็นเหมือนกับอะไรที่ทำกันระหว่างสามีภรรยาอย่างกับที่ประกาศกบางท่านได้บรรยายไว้…ท่านประกาศกได้เปรียบเทียบพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ว่าเป็นเหมือนกับความสัมพันธ์ของคู่สมรส แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ประชากรเลือกสรรไม่ได้ถือซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาเสมอไป
เพื่อที่จะรักและถูกรัก พระเจ้าได้ทรงประทานให้กับมนุษย์เราซึ่งเสรีภาพในการเลือก…พันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษยชาติ น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องของพระเจ้าผู้สูงสุดในการออกกฎเกณฑ์ต่างๆให้กับเรามนุษย์ ถ้าหากว่าเป็นในกรณีนี้ พระเจ้าก็คงอยากจะได้ความนอบน้อมเชื่อฟังของเรามากกว่าความรัก
ในบทอ่านที่หนึ่งของวันสมโภชนี้ เราได้แลเห็นว่าโมเสสได้ประทับตราพันธสัญญาอย่างไร ก่อนที่ประชากรเลือกสรรจะเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา แต่ว่าพวกเขามิได้ถือตามพันธสัญญานั้น พวกเขากลับไปนับถือพระเท็จเทียม แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็มิได้ทรงทอดทิ้งพวกเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าพระองค์ได้เสนอพันธสัญญาให้กับพวกเขา และโดยผ่านทางประกาศก พระองค์ได้ทรงสั่งสอนพวกเขาให้หวังในการช่วยให้รอดพ้นครั้งใหม่
และเมื่อเวลานั้นมาถึง พระเจ้าก็ได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาเป็นพระผู้ไถ่ของเรามนุษย์ พระเจ้าได้ทรงสถาปนาพันธสัญญาใหม่ซึ่งจะคงอยู่ตลอดไปให้กับพวกเราในองค์พระบุตร…พระเยซูเจ้าเองได้ทรงประทับตราพันธสัญญาครั้งใหม่นี้ด้วยพระโลหิตของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงเป็นหัวหน้าของประชากรใหม่ของพระเจ้าและจะทรงนำพวกเขาไปสู่แผ่นดินแห่งชีวิตนิรันดร์ เรามิใช่เป็นเพียงแต่ประชากรของพระเจ้าเท่านั้น แต่พวกเราเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นครอบครัวของพระองค์อีกด้วย
ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าได้ทรงสร้างความผูกพันกับเรามนุษย์ซึ่งจะไม่มีวันถูกทำลายได้อีกต่อไป และนี่เป็นสิ่งที่เรากำลังทำการเฉลิมฉลองกันอยู่ในขณะนี้ คือการสมโภชพิธีบูชาขอบพระคุณ…พิธีบูชาขอบพระคุณเป็นพิธีรำลึกถึงความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นที่เรามนุษย์มีกับพระเจ้า ให้เราขอบพระคุณสำหรับการสิ้นพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสตเจ้าซึ่งได้หยิบยื่นคุณค่าแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้าให้กับมนุษยชาติ
เราทุกคนถูกเรียกมามิใช่เพื่อความสำเร็จ
แต่เพื่อให้เป็นผู้ซื่อสัตย์ในกระแสเรียก
ที่ได้รับจากพระเจ้า
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์