ข้อคิดอาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี B
มก 6: 30-34…ท่านทั้งหลาย จงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด…เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็นประชาชนมากมาย ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะ ไม่มีคนเลี้ยง…
ในทุกๆหน้าของพระวรสาร เป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงใส่ใจประชาชน และพระองค์ก็ทรงใส่ใจพวกเราด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นประชากรเดียว คือประชากรของพระเจ้า เป็นสมาคมแห่งศิษย์ของพระองค์ ดังนั้น ให้เราเข้ามาหาพระองค์ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเชื่อมั่นและความรัก…
ข้อคิด …ในบทอ่านที่หนึ่ง (ยรม 23: 1-6) ท่านประกาศกเยเรมีย์ได้กล่าวโทษบรรดาผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวในสมัยนั้นว่าได้ละเว้นการทำหน้าที่ของตนที่มีต่อประชากรของพระเจ้า พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและหายนะที่ได้เกิดขึ้นกับประชาชน แต่พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้ประชากรของพระองค์ต้องจมอยู่ในความตระหนกตกใจกลัวตลอดไป พระเจ้าเองจะทรงสวมบทบาทแห่งความเป็นผู้นำ และจะมอบหมายฝูงแกะของพระองค์ให้กับผู้เลี้ยงแกะที่ดีและซื่อสัตย์คอยเลี้ยงดูต่อไป
เรื่องราวดังกล่าวข้างต้นจะได้รับการสานต่อเป็นอย่างดีจากพระวรสาร คำมั่นสัญญาของท่านประกาศกเยเรมีย์ได้รับการกระทำให้สำเร็จลงในองค์พระเยซูเจ้า และเราได้แลเห็นพระเยซูเจ้า ”พระผู้เลี้ยงแกะที่ดี” กำลังปฏิบัติการอยู่ คือ
ประการแรก…เราได้แลเห็นความใส่ใจของพระองค์ที่มีต่ออัครสาวกทั้งสิบสองซึ่งเพิ่งกลับมาจากงานช่วยพระเยซูเจ้าประกาศข่าวดีและต้องการที่จะหยุดพักให้หายเหนื่อย
ประการที่สอง…เราแลเห็นความใส่ใจของพระองค์ต่อประชาชนโดยทั่วๆไปซึ่งได้ฟังพระองค์เทศน์สอนเป็นเวลานาน…ช่างมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างพระองค์กับบรรดาผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวในสมัยนั้น จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดว่าทำไมประชาชนจึงได้ไปหาพระองค์ เพราะในองค์พระเยซูเจ้า เราได้แลเห็นความรักเมตตาสงสารของพระเจ้ากำลังปฏิบัติการอยู่
หลายๆครั้งในชีวิตประจำวันของเรา เรามักจะถูกขัดจังหวะจากคนที่มาหาเราหรือจากสิ่งจุกๆจิกๆรอบตัวเราซึ่งเป็นเรื่องที่กวนใจเราอย่างยิ่ง…วิธีที่จะทำให้เราไม่รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องพรรค์นี้ ก็คือการเปลี่ยนวิธีคิดและเปลี่ยนความรู้สึกนั้นเสีย คือเราจะต้องคิดเสียใหม่ว่าเรื่องจุกๆจิกๆเหล่านั้นก็เป็นหน้าที่เป็นงานประจำวันอย่างหนี่งของเราด้วย ซึ่งเราจะต้องทำด้วยใจยินดี และดังนี้เราก็จะมีชีวิตที่สงบและนิ่งและเป็นสุขมากขึ้น
ความไม่เห็นแก่ตัวมิใช่เป็นเรื่องง่ายๆที่เราจะสามารถบริหารจัดการกับมันได้อย่างราบรื่น…แต่เราสามารถฝึกฝนให้กับตัวเราเองได้ โดยพยายามหลอมความรู้สึกขัดใจให้เข้ากับเรื่องจุกๆจิกๆให้ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจุกๆจิกๆที่ขัดใจเราจริงๆ ในกรณีนี้ เราจะต้องลืมตัวเราเอง โดยยอมสลัดทิ้งซึ่งความไม่สบอารมณ์เสียและนี่แหละที่จะเป็นความเสียสละที่แท้จริง
พฤติกรรมแห่งความรู้จักเข้าใจคนอื่น มิได้ถูกตัดสินจากความสำคัญของพฤติกรรมนั้นๆ แต่อยู่ที่การรู้จักเอาชนะการถูกขัดจังหวะจากคนอื่น อันเป็นการทดสอบอย่างดีสำหรับเรา เมื่อเราต้องยอมสละแผนการณ์หรือความตั้งใจของเราเพื่อที่จะช่วยคนอื่น
เป็นความบันเทาใจสำหรับเราที่รู้ว่าพระเยซูเจ้าเอง ก็ได้ทรงบริหารจัดการกับการถูกขัดจังหวะบ่อยๆในชีวิตของพระองค์ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นในระหว่างงานมงคลสมรสที่เมืองคานา การรักษาคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ การเฝ้าคอยหญิงซามารีตันที่บ่อน้ำยากอบ ฯลฯ
แต่สำหรับพระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้ากลับไม่ได้คิดถึงตัวพระองค์เอง แต่กลับคิดถึงบรรดาศิษย์ของพระองค์ซึ่งเพิ่งกลับมาจากภารกิจที่พวกเขาถูกส่งออกไปให้ทำ พระองค์ทรงแลเห็นว่าพวกเขาต้องการการพักผ่อน พระองค์จึงได้ตัดสินใจที่จะพาพวกเขาไปหาที่สงบๆ
อย่างไรก็ตาม ภารกิจต่างๆก็ไม่ได้สำเร็จตามที่ได้วางแผนเอาไว้ ประชาชนได้ติดตามพวกเขาไป…พระเยซูเจ้าได้มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?…แทนที่จะรู้สึกรำคาญ พระองค์กลับต้อนรับพวกเขา…นี่เป็นการบอกเราว่าพระองค์ทรงเป็นคนชนิดใด พระองค์ทรงรู้สึกสงสารพวกเขา พระองค์แลเห็นว่าพวกเขาไม่มีผู้นำ โดยปรกติแล้วบรรดาผู้ใหญ่หรือครูอาจารย์มักจะไม่สู้มีเวลาให้กับคนทั่วๆไป แต่พระเยซูเจ้าได้มีเวลาให้กับทุกคน และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนจึงได้หลั่งไหลไปหาพระองค์
การใส่ใจผู้อื่นมิใช่เป็นอะไรทีจะทำกันได้ง่ายๆ บางคนใส่ใจคนอื่นได้ ถ้าเขามีอารมณ์ แต่ต้องไม่ทำให้แผนการของเขาเสียหาย แต่การใส่ใจแบบที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำนั้น พระองค์ทรงใส่ใจแม้เมื่อแผนการของพระองค์จะต้องถูกยกเลิกไป…นี่แหละที่จะเป็นการทดสอบอย่างแท้จริง…ผู้ที่เป็นบิดามารดาจะต้องพบกับเหตุการณ์อย่างนี้อยู่ตลอดเวลา…เช่นในแต่ละคืนผู้ที่เป็นพ่อแม่จะต้องตื่นขึ้นมาดูลูกเล็กๆของตนไม่รู้กี่ครั้ง?
พวกเราทุกคนต่างก็สามารถที่จะใส่ใจคนอื่นได้ การที่ต้องใส่ใจคนอื่นๆเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าโลกของเราส่วนใหญ่แล้วก็เต็มไปด้วยการเมินเฉย การไม่แยแสต่อความต้องการของผู้อื่น มีผู้คนจำนวนมากบนโลกใบนี้ของเราที่เหมือนกับฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยงดู…แต่เมื่อเราใส่ใจผู้อื่น เราก็กำลังเจริญชีวิตพระวรสาร กำลังเจริญชีวิตของพระเยซูเจ้าเอง
สิ่งดีๆสามารถออกมาจากการถูกขัดจังหวะ เพราะจะช่วยเรามิให้กลายเป็นผู้ที่ยุ่งอยู่กับตัวเองแต่อย่างเดียว ช่วยเราให้ออกจากความเห็นแก่ตัวอันเป็นชนิดหนึ่งของการขังตัวเองในคุก แต่ว่าจะเป็นการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์