ข้อคิดอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี B
ยน 6: 1-15 …ประชาชนจำนวนมากตามพระเยซูเจ้าไป เพราะเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำแก่ผู้เจ็บป่วย…พระองค์ทรงแจกจ่ายขนมปังและปลาแก่ผู้คนที่มาฟังพระวาจาของพระองค์เท่าที่พวกเขาต้องการ…
พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงเลี้ยงอาหารแก่ผู้หิวโหยด้วยความใจกว้างอย่างยิ่ง…และ ณ พระแท่นบูชานี้ พระองค์ทรงเลี้ยงอาหารพวกเราด้วยปังแห่งศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ เรารับอาหารอันประเสริฐนี้ มิใช่เพราะว่าเราสมควรที่จะรับประทานอาหารนี้ แต่เป็นเพราะเรามีความต้องการอาหารนี้และพระองค์ก็ทรงเชื้อเชิญเราให้เข้ามารับอาหารนี้ที่พระแท่นบูชาของพระองค์…
ข้อคิด…จากวันอาทิตย์นี้ไปจนถึงอีก 4 อาทิตย์ข้างหน้า คืออาทิตย์ที่ 21…บทอ่านของพระวรสาร จะเป็นการหยิบยกมาจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น บทที่ 6 รวมทั้งสิ้น 5 อาทิตย้ด้วยกัน…ในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น แม้จะไม่มีการกล่าวถึงการตั้งศีลมหาสนิทของพระเยซูเจ้า แต่ว่าในพระวรสารบทที่ 6 ของนักบุญยอห์นนี้ มีและเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องของการตั้งศีลมหาสนิทของผู้นิพนธ์พระวรสารท่านอื่นๆและของนักบุญเปาโลด้วย
การอัศจรรย์ที่มีบรรยายไว้ในบทอ่านที่หนึ่ง จากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง (2 พกษ 4: 42-44) แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ในช่วงเวลาที่อัตคัตขาดแคลนอาหาร ขนมปังที่ทำจากข้าวบาร์เลย์ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในปีนั้นที่เราได้ยินจากหนังสือพงศ์กษัตริย์นี้ หมายถึงขนมปังซึ่งจะต้องถวายให้แด่พระเจ้า แต่แทนที่จะถวายให้แด่พระเจ้า ท่านประกาศกเอลีชาห์กลับสั่งให้นำไปให้ทุกคนได้รับประทานและยังจะมีเหลืออีก อันแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของพระเจ้าโดยผ่านทางประกาศกของพระองค์
เช่นเดียวกับท่านประกาศกเอลีชาห์ พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นประกาศกแห่งพันธสัญญาใหม่ ได้ทรงเลี้ยงอาหารคนหิวโหย และพระองค์ได้ทรงกระทำมากกว่านั้นอีกอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง อันเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนถึงการอัศจรรย์ที่ท่านประกาศกเอลีชาห์ได้ทำในครั้งก่อนโน้น…พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึ้น ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ…ภาษาพูดเช่นนี้ ทำให้เรารำลึกถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำขณะรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับศิษย์และถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกๆครั้งเวลาที่เรามาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ
ในบทอ่านที่หนึ่งและในพระวรสาร เราจะแลเห็นความใส่ใจของพระเจ้าที่มีต่อผู้หิวโหยผ่านทางประกาศกและพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์
อาหารเป็นความจำเป็นประการแรกของชีวิต ถ้าไม่มีอาหาร ชีวิตก็จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากมากๆ การให้อาหารแก่ผู้หิวโหยจึงเป็นงานแห่งกิจเมตตางานแรกๆของเรามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคริสตศาสนิกชน… ณ การพิพากษาสุดท้าย พระเยซูเจ้าจะทรงกล่าวกับพวกเราว่า “เมื่อเราหิว ท่านได้ให้อาหารเรากิน” หรือ “เมื่อเราหิว และท่านไม่ได้ให้อาหารเรากิน”
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงพบคนหิวโหย พระองค์ทรงให้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในขณะนั้น คือพระองค์ทรงให้อาหารพวกเขารับประทาน และได้ทรงกระทำเช่นนั้นด้วยใจกว้างอย่างยิ่ง ดังที่เราได้เห็นจากพระวรสาร คือทุกคนได้รับประทานมากเท่าที่พวกเขาต้องการ และยังเหลืออาหารอีก 12 กระบุง
พระวรสารได้บอกกับพวกเราว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงหยิบขนมปัง 5 ก้อนขึ้นมาและได้ทรงกล่าวขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ เราก็ควรจะทำเช่นเดียวกันเมื่อเรารับประทานอาหาร…เพราะในโลกซึ่งมีผู้คนอีกจำนวนนับล้านๆคนไม่มีอาหารกิน เราไม่ควรที่จะรับประทานอาหารแบบทิ้งๆขว้างๆและอย่างอิ่มหนำแต่เพียงผู้เดียว
ขนมปังแต่ละก้อนหรือข้าวแต่ละเม็ด เป็นอัศจรรย์เท่าๆกับขนมปังเหล่านั้นที่พระเยซูเจ้าได้ทรงแจกจ่ายให้กับประชาชน ขนมปังแต่ละก้อนและข้าวแต่ละเม็ดได้รับการจับต้องและเป็นผลงานจากมือของมนุษย์หลายๆมือด้วยกัน รวมทั้งได้รับการจับต้องจากพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วย พฤติกรรมเช่นนี้ซึ่งได้รับการแสดงออกอย่างน่าทึ่งในบทภาวนาที่พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ อธิษฐานภาวนาเหนือปัง ณ ภาคถวาย
“ข้าแต่พระเจ้าแห่งสกลโลก ขอถวายพระพร
พระองค์มีพระทัยเมตตา ประทานปัง
ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังถวายอยู่นี้
อันเป็นผลมาจากแผ่นดินและน้ำพักน้ำแรงของมนุษย์
และจะเปลี่ยนเป็นอาหารบันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีชีวิต”
พระเจ้าได้ทรงทำอัศจรรย์อย่างเดียวกันผ่านทางฤดูกาลต่างๆและการเก็บเกี่ยวพืชผล…ในทุ่งนา พระเจ้าได้ทรงทวีเมล็ดข้าว มิใช่ขนมปัง ซึ่งถ้าหากในส่วนความพยายามของเรามนุษย์ ก็จะมีอาหารเพียงพอสำหรับทุกๆคน เพราะเมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดสามารถผลิตเมล็ดข้าวได้อีกประมาณ 70 เมล็ด
ในเวลานี้ เกิดมีความหว่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการขาดอาหารในโลกของเราซึ่งก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องที่ ในโลกที่พัฒนาแล้ว เราก็มีอาหารมากเกิน และความห่วงกังวลของหลายๆคนกลับเป็นเรื่องที่จะต้องตัดทอนลดอาหารเพื่อลดความอ้วน ส่วนในโลกที่สาม ผู้คนกลับไม่มีอาหารจะกิน และหลายๆคนจะต้องจบชีวิตลงเพราะขาดอาหาร
อัศจรรย์ทวีขนมปังของพระเยซูเจ้าควรจะต้องทำให้เรารู้จักขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับอาหารที่เรามีและได้รับ และต้องทำให้เราได้ใส่ใจที่จะไม่ทำให้อาหารเหล่านั้นต้องสูญเสียไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ให้กับตัวเองและเพื่อนพี่น้องที่หิวโหยของเราที่มีอยู่มากมายในโลกในขณะนี้ น่าจะมีเพื่อนพี่น้องของเราไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านคนที่ไม่มีอาหารกินอย่างเพียงพอ และหนึ่งในสามของเด็กๆในทวีปอาฟริกาไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
อัศจรรย์ของการทวีขนมปังของพระเยซูเจ้าเป็นอัศจรรย์แห่งความใจกว้างของพระเจ้า เรามีประสบการณ์แห่งการมีความใจกว้างนี้ ทุกๆครั้งที่เรานั่งลงรับประทานอาหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเข้ามารับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ประสบการณ์แห่งความใจกว้างนี้ ควรจะต้องทำให้เราได้ขยายหัวใจของเราให้กว้างขึ้น และขับเคลื่อนความปรารถนาที่จะให้ตัวเราได้เป็นผู้มีใจกว้างต่อผู้ที่ไม่มีความโชคดีเช่นเราซึ่งมีอาหารรับประทาน มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค มีปัจจัยต่างๆที่อำนวยความสะดวกให้กับชีวิตมนุษย์ ฯลฯ
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์