บทอ่านจากคำอธิบายหนังสือประกาศกฮักกัย โดยนักบุญซีริล แห่งอเล็กซันเดรีย พระสังฆราช
นามของเรายิ่งใหญ่ท่ามกลางนานาชาติ
เมื่อพระผู้ไถ่เสด็จมา พระองค์ปรากฏเป็นพระวิหารของพระเป็นเจ้ารุ่งโรจน์อย่างไม่มีที่เปรียบ เจิดจ้าและสูงส่งกว่าวิหารหลังเดิม พระองค์ทรงสูงเด่นกว่าวิหารหลังเดิม เพราะเป็นการนมัสการในพระคริสตเจ้าและพระวรสาร สูงเด่นกว่ากิจศรัทธาตามกฎหมาย เพราะความจริงย่อมสูงเด่นกว่าร่มเงา
ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าใคร่จะชี้ให้เห็นว่า แต่เดิมนั้นมีวิหารแต่หลังเดียวในเยรูซาเล็ม ซึ่งมีแต่ประชาชนพวกเดียวคือชาวอิสราเอล ถวายบูชาในวิหารนี้ เมื่อพระบุตร แต่องค์เดียวของพระเจ้า ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเราแล้วตามพระคัมภีร์กล่าว เพราะ “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และพระเป็นเจ้าได้ทรงส่องแสงรัศมีมายังเรา” ได้ทรงบันดาลให้ส่วนอื่นของโลกเต็มไปด้วยสถานนมัสการ ปัจจุบันนี้มีผู้นมัสการจำนวนนับไม่ถ้วน ถวายเกียรติแด่พระเป็นเจ้าแห่งสากลโลก ด้วยการถวายทางจิตใจและบูชาอันหอมหวน ตรงตามที่ประกาศกมาลาคีทำนายไว้ในพระนามของพระเป็นเจ้าว่า “เราเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ นามของเราจะได้รับเกียรติท่ามกลางนานาชาติ และทุกแห่งหนจะมีการถวายเครื่องบูชาอันหอมหวนและบริสุทธิ์แด่นามของเรา”พระเจ้าตรัส
ฉะนั้นเป็นการแน่นอน เรากล้าพูดว่าพระวิหารหลังสุดท้าย คือพระศาสนจักร จะรุ่งโรจน์กว่า สำหรับผู้ที่ฝักใฝ่ทำงานเพื่อสร้างพระศาสนจักร ประกาศกฮักกัยประกาศ ว่ารางวัลจากสวรรค์จะถูกมอบให้เราโดยทางพระผู้ไถ่ รางวัลนั้นเป็นพระคริสตเจ้าเอง ซึ่งเป็นสันติสุขของมนุษย์ทั้งมวล “โดยทางพระองค์เราเข้าถึงพระบิดาเจ้า ในพระจิตเจ้าองค์เดียว” ท่านประกาศกกล่าวต่อไปว่า “เราจะประทานสันติสุขแก่สถานที่นี้และสันติสุขของวิญญาณ สำหรับช่วยทุกคนที่วางรากฐานสร้างวิหารขึ้นใหม่ให้รอด” พระคริสตเจ้าเองตรัสว่า “เราจะประทานสันติสุขแก่ท่าน” ท่านเปาโลกล่าวว่า สันติสุขนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่รัก “สันติสุขของพระคริสตเจ้า ซึ่งอยู่เหนือสติปัญญาทั้งหลายจะรักษาจิตใจและหัวใจของท่าน” ประกาศกอิสยาห์ผู้รอบรู้อธิษฐานภาวนาเช่นเดียวกันว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดประทานสันติสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะพระองค์ประทานทุกสิ่งแก่เรา” เมื่อผู้ใดเป็นผู้สมควรด้วยสันติสุขของพระคริสตเจ้า เขาจะสามารถช่วยวิญญาณของเขาให้รอดโดยง่ายดาย และสามารถนำจิตใจของเขา ให้ก้าวหน้าในคุณธรรมอย่างแน่วแน่
ดังนั้น ประกาศกฮักกัยจึงประกาศว่าความสุขสันติ ถูกมอบให้แก่ทุกคนที่สร้าง ผู้ที่สร้างพระศาสนจักรนั้น บางคนก็เป็นครูสอนธรรมล้ำลึก บางคนก็ถูกแต่งตั้งในบ้านของพระเป็นเจ้า บางคนก็ทำงานเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง โดยทำตนให้เป็น ศิลาที่มีชีวิตฝ่ายจิต ในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ พระตำหนักของพระเป็นเจ้า ในพระจิตเจ้า ผลแห่งความพยายามเหล่านี้ จะอำนวยให้แต่ละคนสามารถได้รับความรอด โดยปราศจากความลำบาก
สารวัดตลอดเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม “สุข ทุกข์ ของพระแม่” (6/9)
ความสุขประการที่ 5 ของแม่พระ “งานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานา” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด (ยน. 2: 5) เหตุการณ์ที่เมืองคานานี้เป็นความยินดีของแม่พระ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอัศจรรย์ที่ลูกของตนได้ทำ คือการที่พระเยซูเจ้าได้เปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเหล้าองุ่น แม่พระมีความสุขที่ได้ช่วยคู่บ่าวสาวจากความยินดีที่ได้หมดไปคือเหล้าองุ่น งานแต่งงานเป็นเรื่องของความสุขความยินดี แต่ในวันนั้นงานแต่งนี้ไม่มีความสุขความยินดีเหลืออยู่เลย แท้จริงแล้วแม่พระคงต้องการจะบอกกับพระเยซูเจ้าว่า “ตอนนี้คนที่นั่นเขาไม่มีความยินดีเหลืออยู่แล้ว ขอพระองค์ได้โปรดทำอะไรสักอย่างเถิด” แล้วพระเยซูเจ้าจึงได้ให้ความยินดีกลับคืนมาแก่พวกเขาโดยการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นชั้นดี นี่คือความสุขของแม่พระที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุข
เช่นกันในชีวิตของพวกเราซึ่งเป็นลูกของแม่ แม่พระก็อาจจะมองเห็นได้ว่าความสุขความยินดีได้หายไปแล้ว ตอนนี้แม่พระอาจกำลังวอนขอพระเยซูเจ้าว่า “พวกลูกๆของแม่เหล้าองุ่นในชีวิตหมดแล้ว ความยินดีในชีวิตของพวกเขาหายไปแล้ว ขอให้พระองค์ทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ลูกของพระองค์พบกับความยินดีเถิด” และนี่คือสิ่งที่แม่พระต้องการมากที่สุดคือความสุขในชีวิตของลูกๆพระองค์
ในด้านความทุกข์ประการที่ 5 ของแม่พระ “พระเยซูเจ้ากับพระมารดา” พระมารดาของพระเยซูเจ้า ทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเนของพระองค์ พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัสและมารีย์ชาวมักดาลา พระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษยที่รักยืนอยู่ใกล้ๆ จึงตรัสกับ พระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้นศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน (ยน. 19: 25-27) ที่นี่คือจุดสุดยอดของความตาย คือที่ที่พระเยซูเจ้ากำลังจะจบชีวิตลง ณ ที่นี่จากแม่ที่เป็นแม่ทางเนื้อหนัง พระนางได้กลายเป็นแม่ทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติ ทั้งที่แม่พระอาจไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนสถานะภาพที่เป็นแม่ของพระเยซูเท่านั้นแต่เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสดังนี้ ความรักที่เหมือนเห็นแก่ตัวที่เคยมีให้แค่ลูกคนเดียวเท่านั้น ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไป พระนางกลายเป็นมารดาของ
บรรดาอัครสาวกและมนุษย์ทุกคน นี่อาจเป็นสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับคนที่เป็นแม่คนหนึ่ง แต่หากเรามองให้ดีจะพบว่านี่เป็นความอัศจรรย์ที่พวกเราได้มีแม่ฝ่ายจิตวิญญาญ ในทุกครั้งที่เราสวดภาวนา วอนขอ ล้วนผ่านทางแม่พระทั้งนั้น นั่นเพราะพระนางเป็นแม่ของเราทุกคน…