บทอ่านจากพระสมณสารถึงชาวโครินธ์ โดยนักบุญเคลเมนต์ที่ 1 พระสันตะปาปา
พระเจ้าได้ประทานความเป็นระเบียบและความกลมกลืนแก่โลก
ให้เราเพ่งสายตามองไปยังพระบิดาผู้ทรงสร้างสากลจักรวาล และเมื่อเราพิเคราะห์เห็นว่า สันติสุขและพระพรของพระองค์นั้นมีค่าหาที่เปรียบมิได้แล้ว ก็ให้เรารับเอาด้วยใจร้อนรนเพื่อตนเอง ให้เราพิศเพ่งพระองค์ด้วยปัญญา ใช้สายตาแห่งจิตสังเกตแผนการอันเป็นระเบียบเรียบร้อยของพระองค์ ให้เราพิจารณาถึงความเอาใจใส่ ซึ่งพระองค์ทรงมีต่อสิ่งสร้างทั้งมวลของพระองค์
ท้องฟ้านภากาศซึ่งหมุนเวียนอยู่ภายใต้ความควบคุมของพระองค์ นอบน้อมต่อพระองค์อย่างราบรื่น วันคืนก็ดำเนินไปตามที่พระองค์ได้ทรงตั้งกฏไว้ให้ และไม่มีสิ่งใดจะเข้าไปแทรกแซงกัน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวดาราต่างโคจรไปตามพระบัญชาของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดเดินออกนอกทางโคจรที่ได้กำหนดไว้ ฤดูกาลผลัดเปลี่ยนไปตามน้ำพระทัยในโลกอันอุดม ทำให้เกิดทรัพยาหารเพื่อมนุษย์และสัตว์ และทุกสิ่งที่มีชีวิตบนพื้นโลก ไม่มีการคัดค้านหรือพยายามเปลี่ยนแปลงพระบัญชาของพระองค์แม้แต่น้อย
หลักการเดียวกันนี้ ยังค้ำจุนห้วงเหวอันลึกสุดหยั่ง และภาคพื้นใต้โลกอันสุดพรรณนา ห้วงสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงรวบรวมไว้ในแหล่งต่างๆ ก็มิได้ไหลออกนอกขอบเขตที่พระองค์ได้ทรงวางไว้ แต่เป็นไปตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ ตามพระวาจาของพระองค์ “เจ้าจะไปไกลเพียงแค่นี้ คลื่นระลอกของเจ้าจะสบายตัวลงตรงจุดนี้” มหาสมุทรและสรรพสิ่งในสากลโลกเหนือมหาสมุทร ก็มีพระบัญชาของพระเจ้าควบคุมไว้
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ผลัดเปลี่ยนไปอย่างราบรื่น ลมกระทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง ต่างมาจากทิศของตนและไม่ทำอะไรผิด สายธารที่หลั่งไหลอยู่ ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อประโยชน์และความรื่นรมย์ ก็อุทิศตนเพื่อธำรงชีวิตมนุษย์ และแม้แต่สรรพสัตว์ที่เล็กน้อยที่สุดก็ยังผสมผสานกันได้อย่างราบรื่น
เหนือสิ่งทั้งมวลนี้ องค์สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าแห่งสากลจักรวาลได้ประทานสันติ และความกลมกลืนกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ของเรา ผู้เข้าหาที่พักพิงในพระมหากรุณาของพระองค์ อาศัยองค์พระเยซูพระเจ้าของเรา ขอพระองค์จงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ และฤทธานุภาพตลอดนิรันดร อาแมน
สารวัดตลอดเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม “สุข ทุกข์ ของพระแม่” (8/9)
ความสุขประการที่ 7 ของแม่พระ “พระเยซูเจ้ากับพระมารดาแทบเชิงไม้กางเขน” บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ยจำต้องถูกมอบในเงื้อมมือของคนบาป จะต้องถูกตรึงกางเขนและจะกลับคืนชีพในวันที่สาม (ลก. 24: 7) ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อน ก็เข้าไปข้าในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ (ยน. 20:8) ความสุขที่สุดของแม่พระ คือ การเห็นการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระบุตร และแผนการไถ่กู้มนุษยชาติของพระเจ้าได้สำเร็จลุล่วง
เช่นกันที่ความสุขในบั้นปลายชีวิตของพวกเราคือการได้กลับคืนชีพ สังเกตไหมว่าเหตุใดพระเยซูเจ้าจึงไม่แสดงการกลับคืนชีพแก่พระนางมารีย์ก่อน แต่กลับไปปรากฏแก่บรรดาอัครสาวก นั่นก็เพราะบรรดาอัครสาวกยังไม่มีความเชื่อในเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าต่างจากแม่พระที่มีความสุขและมั่นใจว่าลูกของตนได้กลับคืนชีพอย่างแน่นอน ไม่มีเหตุการณ์หลังกลับคืนชีพไหนเลยที่พระเยซูเจ้าจะต้องไปปรากฏตัวแก่แม่พระ เพราะแม่พระเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้ามากกว่าใคร ไม่จำเป็นที่พระเยซูเจ้าต้องให้ความเชื่อความมั่นใจเพิ่มเติมอะไรอีกแล้ว
ในด้านความทุกข์ประการที่ 7 ของแม่พระ “การฝังพระศพ” ในบริเวณที่พระองค์ถูกตรึงนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง ในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ฝังศพใครเลย เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเตรียมของพวกยิวและเพราะอุโมงค์นั้นอยู่ใกล้ เขาจึงบรรจุพระศพพระเยซูไว้ที่นั่น (ยน.19: 41-42) ณ ที่นั่นเป็นแม่พระเองที่ต้องเผชิญหน้ากับการจากกันครั้งสุดท้าย ความทุกข์ที่เกิดจากการต้องพรากจากกันที่เป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุด แม่พระบอกกับนักบุญบริจิตว่า “บุตรของฉันถูกฝัง แต่มีดวงใจสองดวง ที่ฝังอยู่ที่นั่นด้วย ” ที่สุด พวกเขาก็ปิดที่ฝังพระศพของพระเยซูเจ้า ร่างกายนั้นมีค่ามากที่สุดทั้งบนแผ่นดินและในสวรรค์ แม่พระทรงทิ้งดวงใจของพระนางไว้กับพระบุตร เพราะพระองค์มีค่ามากที่สุด “เหตุว่า ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด จิตใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย ” ( ลก .12 : 34 )
ชีวิตของแม่พระเป็นชีวิตหนึ่งเหมือนกันกับเรามนุษย์คนธรรมดา ที่มีการพลัดพราก สูญเสีย มีความทุกข์ทรมาน เราก็มีเช่นกัน หลายครั้งเรามีมากแค่ไหนแค่คิดว่าขาด ไม่พอ บกพร่อง มันก็ “ทุกข์” อีกด้านหนึ่งถ้าเรามีน้อยแค่ไหน คิดว่าเหลือก มันก็ “สุข” จะสุข จะทุกข์ของชีวิตอยู่มุมมอง มองด้านไหน มองไม่ออก ลองมองแบบพระแม่ดู