ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์ ปี C
มธ 2: 1-12…พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์…
พญาสามองค์เฝ้าตามหาพระกุมารเจ้า และเมื่อท่านได้พบพระองค์แล้ว ท่านได้กราบไหว้นมัสการพระองค์และได้ถวายของกำนัลแด่พระองค์ ผู้คนนับแสนนับล้านได้เดินตามแบบอย่างของพญาสามองค์ซึงเฝ้าตามหาองค์พระเจ้าเที่ยงแท้ เราเป็นคนหนึ่งที่โชคดีแต่ในผู้คนเหล่านั้น เพราะทุกๆครั้งที่เรามาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ เราก็ได้พบและต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าในศีลมหาสนิท ในพิธีบูชาขอบพระคุณ
ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้นำเสนอให้เห็นถึงการเผยแสดงของพระเจ้าในหลายวิธีที่แตกต่างกัน แต่ก็มีพระประสงค์เดียวกัน คือ ให้พระบุตรพระเจ้า องค์พระวจนาตถ์ ที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นที่รู้จักและได้รับการต้อนรับจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และเพื่อให้มนุษยชาติได้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยให้นมัสการและรับใช้พระเจ้าองค์เดียวกัน…ชนชาวยิวซึ่งมีพระคัมภีร์ที่ได้ค่อยๆเผยแสดงการเสด็จมาของพระองค์ กลับปฏิเสธพระเยซูเจ้า ขณะที่ชนต่างศาสนา โดยการนำของดวงดาว ได้มาค้นหาพระกุมาร และเมื่อพบแล้ว ก็ได้กราบไหว้นมัสการพระองค์
ความปรารถนาอันแรงกล้าของพระเยซูเจ้าผู้สถาปนาพระศาสนจักร และความปรารถนาของพระศาสนจักรเองในทุกยุคทุกสมัย ก็คือความต้องการให้มนุษยชาติมีเอกภาพ สากลภาพและสันติภาพที่แท้จริง และได้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน
ตามความในพระคัมภีร์ มนุษย์คนแรกที่ได้เชื่อในสากลภาพคือ ท่านอับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อของผู้เชื่อทั้งหลาย พระเจ้าได้ทรงสัญญากับท่านไว้ว่า ในวันหนึ่งข้างหน้าบรรดาประชาชาติต่างๆจะมาร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของท่าน…และท่านก็ได้เชื่อ ประชาชาติอิสราแอลได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้เป็นผู้รวบรวมประชากรทั้งหลาย ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม และดังนี้พระสัญญาแห่งสากลภาพก็จะบรรลุถึงความสำเร็จ
แต่ว่าชาวอิสราแอลได้เชื่ออย่างผิดๆว่าพวกเขาสามารถสร้างเอกภาพดังกล่าวขึ้นมาได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบอะไรบางอย่าง เช่น การถือธรรมบัญญัติ การถือวันสับบาโต การเข้าสุหนัต ฯลฯ แต่ว่าจะเป็นความเชื่อของท่านอับราฮัมต่างหากที่จะสามารถรวบรวมชนชาติทุกภาษาให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
การประกาศว่าจะต้องมีประชากรใหม่ของพระเจ้าที่ไม่จำกัดเชื้อชาตินั้น ได้รับการตระเตรียมล่วงหน้าในประชากรเลือกสรรและได้สำเร็จเป็นไปในองค์พระคริสตเจ้า เพราะในแผนการของพระบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าเองที่จะทรงรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า (อฟ 1: 9-10) และทุกสิ่งที่แตกแยกกันออกไปก็จะพบเอกภาพในพระองค์ (อฟ 3:6)
โดยการเรียกปราชญ์หรือพญาสามองค์จากแดนตะวันออก พระเจ้าได้เริ่มรวบรวมประชากรเพื่อที่จะสรรสร้างให้เป็นครอบครัวใหญ่ของมนุษยชาติ…และการดังกล่าวจะสำเร็จลงอย่างบริบูรณ์ ก็ต่อเมื่อความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์จะทำให้กำแพงที่กั้นมนุษย์มิให้รวมกันจะได้พังสลายไป และเมื่อนั้นแหละที่มนุษย์แต่ละคนจะมีจิตสำนึกว่าพวกเขาคือบุตรพระเจ้าซึ่งได้รับการไถ่จากพระคริสต์อย่างเท่าเทียมกันและเป็นพี่น้องกัน
ตลอดระยะเวลามายาวนาน พระศาสนจักรได้ตระหนักและได้เป็นองค์พยานสำหรับการเรียกอันมีลักษณะสากลนี้ คือการเรียกมนุษย์ทุกคนให้ไปสู่การช่วยให้รอดพ้นโดยอาศัยผลงานแห่งการสร้างเอกภาพของพระคริสตเจ้าด้วยการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน
ดังนั้น ภาพนิมิตสุดท้ายของพระธรรมใหม่ในหนังสือวิวรณ์จึงมีความหมายมาก (วว. 7: 4-12; 15: 3-4; 21: 24-26) คือ ชนทุกชาติทุกภาษาจะมากราบไหว้นมัสการพระเจ้า ผู้เป็นกษัตริย์แห่งชนชาติทั้งหลาย พวกเขาจะพักอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเลมใหม่ และในกรุงเยรูซาเลมใหม่นี้ครอบครัวของมนุษยชาติจะพบกับเอกภาพที่มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
เวลาที่เราพูดถึงเรื่อง “เอกภาพ” ก็เสี่ยงที่จะทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ เพราะบ่อยๆ เรามักจะเข้าใจว่า “เอกภาพ” คือการที่ต้องมีอะไรเหมือนๆกันหมด นั่นก็คือต้องขจัดความแตกต่างในแต่ละคนให้หมดสิ้นไป โดยให้แต่ละคนเท่าเสมอกันหมด ความคิดดังกล่าวนี้มิใช่เป็นความคิดที่ถูกต้องเลย เพราะว่าความแตกต่างกันและความหลายหลากของอุปนิสัยของแต่ละชาติ คือความมั่งคั่งของมนุษยชาติ เช่นเดียวกัน สำหรับข้อเท็จจริงที่ว่าพระ-ศาสนจักรต้องเป็นหนึ่งเดียวและสากลนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไปสำหรับจะเจริญชีวิตด้วยความเชื่ออย่างเดียวกัน
คริสตชนที่แท้จริงจะต้องไม่ปฏิเสธความแปลกใหม่และการเปลี่ยนแปลง แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องทำการพิสูจน์ว่าสิ่งแปลกใหม่เหล่านั้น จะต้องไม่ใช่มิติใหม่หรือเนื้อหาใหม่ของความเชื่อในพระองค์พระคริสตเจ้าเท่านั้น ประสบการณ์ต่างๆมากมายในปัจจุบันนี้ซึ่งหลายๆครั้งอาจจะเป็นที่สะดุดสำหรับคนบางประเภท แต่ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นยาชุบชูกำลังให้กับชีวิตของพระศาสนจักร พระคริสตเจ้าให้บทเรียนแต่เพียงบทเดียวแก่เราว่า “จงรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดดวงใจและจงรักผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง” (เทียบ ยน 13:34) ในบทเรียนบทนี้ที่เราจะพบความหมายและทิศทางในการติดตามองค์พระเยซูเจ้า…นี่แหละที่เป็นดาวดวงนั้น ที่เราจะต้องเฝ้าติดตามสำหรับจะบรรลุถึงเป้าหมายและเอกภาพที่แท้จริง
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์