ข้อคิดอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา ปี C
1 คร 12: 12-30…ท่านทั้งหลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า และแต่ละคนต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น…
พระเยซูเจ้าได้ทรงเริ่มพันธกิจของพระองค์ด้วยการใช้ถ้อยคำของท่านประกาศกอิสยาห์ว่าพระเจ้าได้ทรงส่งพระองค์ออกไป เพื่อนำข่าวดีไปให้ผู้คนที่ยากไร้น่าสงสาร เป็นข่าวดีที่แสดงให้เห็นถึงพระเมตตากรุณาของพระเจ้าที่มีต่อทุกๆคนที่กำลังแสวงหาพระองค์…เราต้องไม่กลัวที่จะยอมรับความบาปและความยากไร้น่าสงสารของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาพร้อมๆกันว่าดังนี้
ข้อคิด…ร่างกายของมนุษย์เราเป็นอะไรที่เป็นหนึ่งเดียว มีเอกภาพ แม้ว่าจะประกอบด้วยหลายๆอวัยวะที่แตกต่างกันออกไปและมีหน้าที่ที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนอวัยวะบางส่วนย่อมมีความสำคัญมากกว่าอวัยวะส่วนอื่นๆ และเพื่อจะเป็นร่างกายมนุษย์ที่สมบูรณ์ อวัยวะแต่ละส่วนมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับร่างกายด้วยกันทั้งนั้น พูดง่ายๆก็คือว่าอวัยวะแต่ละส่วนต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
สำหรับพระศาสนจักรก็เช่นเดียวกันซึ่งประกอบด้วยสมาชิกเป็นจำนวนมาก เพื่อประกอบกันเป็นพระกายเดียวในพระคริสตเจ้า พวกเราโดยอาศัยศีลล้างบาป ได้กลายเป็นอวัยวะของพระกายของพระคริสตเจ้า คือพระศาสนจักร…บางคนอาจจะต้องการเป็นหรือต้องการทำ หรือต้องการไปแบบตัวคนเดียว ไม่ขึ้นกับหมู่คณะอันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคริสตชนที่จะอยู่ตัวคนเดียว คริสตชนคนใดที่ต้องการแยกตัวเองออกไป ก็จะทำร้ายพระศาสนจักร เราต่างคนต่างเป็นอวัยวะหนึ่งที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ดังนั้นจะต้องไม่เป็น หรือไม่ทำ หรือไปแบบเดี่ยวๆคนเดียว
พระศาสนจักรจึงเรียกร้องอะไรบางอย่างจากคริสตชนซึ่งเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของท่าน
1.มักจะมีการประจญที่จะให้เราเป็น หรือให้เราทำ หรือให้เราไปแบบเดี่ยวๆคนเดียว แสวงหาความรอดพ้นเฉพาะสำหรับตัวเอง โดยไม่ต้องสนใจคนอื่น แต่ว่าในสังคมมนุษย์ทั่วๆไป เราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เหมือนกับที่อวัยวะต่างๆของร่างกายของเราที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน…พระศาสนจักรก็เช่นเดียวกัน มีความต้องการเราคริสตชนทุกๆคน ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องมีจิตสำนึกของความเป็นกรรมสิทธิ์ของพระคริสต์และการรู้จักแบ่งปันซึ่งกันและกัน
2.การที่ตัวเราเป็นของหมู่คณะหรือของพระศาสนจักร เป็นผลประโยชน์สำหรับตนเอง ให้ดูตัวอย่างจากการที่เราร่วมกันทำอะไรบางอย่างพร้อมๆกัน ความสำเร็จจะเกิดขึ้นง่ายเข้า…คนเรามีความกล้ามากขึ้น เมื่อเรียนรู้จักกันมากขึ้น เมื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเมื่อยืนหยัดต่อสู้ด้วยกัน สิ่งใหญ่ๆสามารถทำสำเร็จได้ เมื่อเราทำด้วยกัน ทำพร้อมๆกัน
3.การเน้นย้ำในเรื่องของหมู่คณะนั้น เราได้มาจากองค์พระเยซูเจ้าเอง พระองค์ได้ใช้ภาพของต้นองุ่นที่ต้องอาศัยกิ่งองุ่น และกิ่งองุ่นก็ต้องอาศัยต้นองุ่น แต่ว่าเป็นกิ่งองุ่นเองที่ให้ผลองุ่น เป็นภาพง่ายๆที่ทำให้เข้าใจถึงเอกภาพและการที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
4.นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพระเยซูเจ้าทรงต้องการให้มีเอกภาพระหว่างพระองค์และสานุศิษย์ และเอกภาพระหว่างพระองค์กับเราคริสตชน พระองค์ทรงเป็นต้นองุ่นและเราเป็นกิ่งองุ่น หรือถ้าหากเราอยากจะใช้คำพูดของนักบุญเปาโล ก็ต้องบอกว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นศีรษะของพระกาย ส่วนพวกเราเป็นอวัยวะแต่ละส่วนของพระกายนั้น ดังนั้น ถ้าหากไม่มีจิตสำนึกของการเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ของการต้องเอาใจใส่กันและกัน และของการรับผิดชอบร่วมกันแล้ว พวกเราก็ไม่ควรที่จะได้ชื่อว่า “คริสตชน”
ดังนั้น ผลลัพธ์ที่พระเยซูเจ้าอยากจะได้จากพวกเราเป็นสิ่งแรก ก็คือ การมีเอกภาพในระหว่างพวกเรา เอกภาพที่ทำให้เราเอาใจใส่กันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและรู้จักแบ่งปันซึ่งกันและกัน และจากเอกภาพที่ปรากฏให้เห็นนี่เอง ที่คนทั้งหลายจะรับรู้ว่าพวกเราเป็นศิษย์ของพระเยซู
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์