ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ปี C
ลก 9: 28-36…พระเยซูเจ้าทรงนำเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา ขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ลักษณะของพระพักตร์พระองค์เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์มีสีขาวเจิดจ้า…
บนภูเขาทาบอร์ นักบุญเปโตร ยากอบและยอห์นได้มีโอกาสแลเห็นพระเกียรติมงคลซึ่งได้ถูกบังซ่อนไว้ในองค์พระเยซูเจ้า…เช่นเดียวกันโดยอาศัยความเชื่อ เราก็ได้ชื่นชมพระเกียรติมงคลของพระเยซูเจ้า พระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ผู้ยังดำรงชีพอยู่ในพระศาสนจักรและในเราแต่ละคน
บาปของเราแต่ละคนได้ทำให้ชีวิตของเราเสียโฉมและทำให้ภาพลักษณ์แห่งความเป็นบุตรของพระเจ้าในตัวเราเปื้อนหมองมีมลทิน…ขอให้เราได้เป็นทุกข์กลับใจและขอพระองค์โปรดคืนศักดิ์ศรีนี้ให้ด้วย
ข้อคิด…บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือปฐมกาล (ปฐก 15: 5-12. 17-18) กล่าวถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่ได้ทรงกระทำกับท่านอับราฮัมว่าท่านจะมีลูกหลานจำนวนมหาศาลซึ่งจะได้ครอบครองแผ่นดินของชาวคานาอันอันเนื่องมาจากความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของท่าน
พระสัญญาหรือพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับท่านอับราฮัมนี้ จะเป็นการนำไปสู่พันธสัญญาที่ภูเขาซีนัย และจะบรรลุถึงจุดสุดยอดที่เขากัลวารีโอ ณ ที่ซึ่งพระเยซูเจ้าจะได้ทรงประทับตราพันธสัญญานี้ด้วยพระโลหิตและด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เอง
เรื่องราวการทรงสำเดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าบนภูเขา…เพราะบนภูเขา สามารถให้ทัศนียภาพที่กว้างไกลกว่า และจากบนภูเขา เราสามารถมองเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆที่อยู่ข้างล่างได้มากขึ้น นอกจากนั้น ยังจะช่วยยกจิตใจของเราขึ้นสู่เบื้องบนได้ดีขึ้นอีกด้วย ทำให้เราอยู่ต่อหน้าความยิ่งใหญ่และความสวยงามของธรรมชาติ และบนภูเขาสูง ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราอยู่ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น หรือทำให้รู้สึกว่าเรากำลังอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยซ้ำไป
บนภูเขาทาบอร์ วันนั้นท้องฟ้าแจ่มใส พระเยซูเจ้าขึ้นไปสวดภาวนา ทันใดพระพักตร์ของพระองค์ก็เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจหิมะ โมเสส ผู้ประทานธรรมบัญญัติผู้ยิ่งใหญ่ มายืนอยู่ข้างหนึ่งของพระองค์ ส่วนอีกข้างหนึ่ง เป็นท่านเอลียาห์ ประกาษกผู้ยิ่งใหญ่…ครั้นแล้วก็มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมอัครสาวกทั้งสามไว้ อันเป็นสัญลักษณ์ของการประทับอยู่ของพระเจ้า และมีเสียงหนึ่ง อันเป็นเสียงของพระบิดา ดังออกมาจากเมฆนั้น เป็นพระวาจาที่น่ารักมาก ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” นักบุญเปโตรถึงกับกราบทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสสและอีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์”
นักบุญเปโตรต้องการค้างอยู่บนภูเขานั้นเลย และท่านต้องการสร้างกระโจมที่พักอยู่ที่นั่นเลย โดยจะทำให้เป็นที่พำนักอาศัยซึ่งท่านคงจะคิดว่าเป็นที่ปลอดจากภัยอันตรายและปัญหาทุกข์ร้อนทั้งหลาย แต่ว่าจุดประสงค์ของประสบการณ์ที่ว่านี้ มิใช่เพื่อให้หนีจากภัยอันตรายและปัญหาทุกข์ร้อนต่างๆของชีวิต แต่ต้องการเสริมสร้างและเพิ่มพลังเข้มแข็งให้กับพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ เพื่อให้พวกเขา เมื่อกลับลงไปจากบนภูเขาแล้ว จะได้สามารถเผชิญหน้ากับความวุ่นวาย ปัญหาและภัยอันตรายต่างๆ
แน่นอน พวกเขาคงจะต้องการพลังเข้มแข็งอีกมากมาย เพราะวันนั้นจะมาถึงและจะมีภูเขาอีกลูกหนึ่งต่างหาก วันนั้น ท้องฟ้าจะมืดมัว พระพักตร์ของพระเยซูเจ้าจะโชกไปด้วยเหงื่อและเลือด ฉลองพระองค์ก็จะดูไม่ได้เอาเสียเลยและบรรดาศิษย์จะหนีจากพระองค์ไป จะมีเฉพาะโจรสองคนที่อยู่เป็นเพื่อนพระองค์ คือถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระองค์ จะไม่มีเสียงจากสวรรค์ จะมีแต่เสียงของผู้สบประมาทเยาะเย้ยพระองค์ที่เดินผ่านไปผ่านมา พวกศิษย์ก็จะหนีกระจัดกระจายกันไป เพราะไม่ต้องการมีส่วนร่วมอะไรทั้งสิ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระอาจารย์ของพวกเขา
น่าจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนๆกันที่ภูเขาทั้งสองลูก คือพระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาเจ้า จึงเป็นที่ประจักษ์แจ้งวาสิ่งที่พยุงพระองค์ให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวันที่สดใสหรือมืดมิด ก็คือการอธิษฐานภาวนา การมีความสัมพันธ์พิเศษกับพระบิดาเจ้า
เชื่อเหลือเกินว่าหลายๆคนในพวกเราคงจะมีประสบการณ์แห่งภูเขาทาบอร์ ภูเขาแห่งความชื่นชมยินดี แต่คิดว่าพวกเราส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกับภูเขากัลวารีโอมากกว่า…สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเราแต่ละคน คือเราจะต้องประสบพบกับภูเขาทั้งสองลูก…บนภูเขาทาบอร์ เราได้ลิ้มรสความสวยงามแห่งสวรรค์ เราได้รับกำลังใจ เรามีความสุขใจ จนเรากล้าพูดว่า “อยู่ที่นี่ดีจริงๆ”…ส่วนที่ภูเขากัลวารีโอ เราอาจจะต้องจมอยู่ในความทุกข์โศก ความเจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่ว่าที่ภูเขากัลวารีโอ อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า เราสามารถเรียนรู้ที่จะกราบทูลพระบิดาเจ้าว่า “ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์จงเป็นไป”
เหตุการณ์แห่งการทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ขององค์พระเยซูเจ้าที่มีเล่าอยู่ในพระวรสาร (ลก 9: 28-36) นั้น เป็นการสร้างความมั่นใจและให้ความบันเทาใจกับองค์พระเยซูเจ้าบนหนทางที่พระองค์กำลังจะทรงดำเนินไปบนรอยเท้าของบรรดาประกาศก เช่นโมเสสและเอลียาห์…แต่บรรดาอัครสาวกและพวกเราคริสตชนก็ไดรับประโยชน์ด้วย เพราะจะเป็นการเตรียมจิตใจของพวกท่านและของพวกเราสำหรับการมีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานและในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เพื่อจะได้กลับคืนชีพกับพระองค์.
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์