ข้อคิดในเทศกาลมหาพรต
พี่น้อง เราเข้าสู่อาทิตย์ที่สามของเทศกาลมหาพรต พ่ออยากเชิญชวนพี่น้องรำพึงพระวาจาของพระเจ้าผ่านชีวิตของบุคคลในพระคัมภีร์สองคน คือ คนเลี้ยงแพะแกะ และ คนสวน
คนแรก คือ โมเสส คนเลี้ยงแพะแกะของพ่อตาที่ชื่อเยโธร
คนที่สอง คือ องค์พระเยซูเจ้า คนสวนในคำอุปมา
ในบทอ่านแรกพระศาสนจักรนำเสนอเรื่องราวตอนสำคัญตอนหนึ่งในช่วงชีวิตของโมเสส ใน 3 ประเด็น ซึ่งพระคัมภีร์เล่าไว้อย่างน่าสนใจ
1.โมเสสถูกเรียก ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลางพุ่มไม้ โมเสสมองดูก็เห็นว่าพุ่มไม้นั้นลุกเป็นไฟ แต่ไม่มอดไหม้ไป จึงคิดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ใกล้ๆ ทำไมพุ่มไม้นั้นไม่มอดไหม้”
2.โมเสสพบปะกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา ตรัสเรียกจากกลางพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” พระองค์ตรัสห้ามว่า “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ จงถอดรองเท้าเสีย เพราะสถานที่ที่ท่านยืนอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่กล้ามองดูพระเจ้า
3.โมเสสรับมอบภารกิจสำคัญ
เรา สังเกตเห็น ความทุกข์ยากของประชากรของเราในอียิปต์
เรา ได้ยิน เสียงร้องเพราะความทารุณของนายงาน
เรา รู้ดี ถึงความทุกข์ทรมานของเขา
เรา ลงมาช่วยเขา ให้พ้นมือชาวอียิปต์
ออกจากประเทศนั้น ไปสู่แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ ไปยังแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์
พี่น้อง จาก 3 ประเด็นดังกล่าว พ่ออยากให้พี่น้อง ลองหันกลับมาทบทวนชีวิตของเรา
1.พระเจ้าทรงเรียกโมเสสจากเหตุการณ์ที่น่าพิศวงหรือแปลกประหลาด โมเสสเห็น หยุด สังเกต และเข้าไปดู …. สำหรับเรา พระเจ้าทรงเรียกเราด้วยวิธีการอย่างไร? ทำไมเราถึงอยากติดตามพระองค์ในฐานะคริสตชน?
2.พระเจ้าทอดพระเนตรเห็น ตรัสเรียกชื่อ และโมเสสตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” มีกี่ครั้งในชีวิตของเราที่เราเข้าไปพบปะกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว? รับฟังการเรียกชื่อ และตอบรับกับพระว่า “ลูกอยู่ที่นี่” เวลาที่เรามีความสุขและเวลาที่เราต้องยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่กล้ามองดูพระองค์ เพราะรู้ดีว่า ตนเองไม่เหมาะสม เรายังมาหาพระองค์ มาพบพระองค์อยู่หรือไม่?
3.เราถูกสร้างตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ถูกเรียกและถูกเลือก พระเจ้าทรงมอบภารกิจสำคัญอะไรให้เราทำบ้างในชีวิตประจำวัน?
-สายตาของเรา สังเกตเห็นความทุกข์ยากของพี่น้องรอบข้างบ้างหรือไม่?
-หูของเรา ได้ยินเสียงร้องของผู้ที่มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจบ้างหรือไม่
-ใจของเรา รับรู้ความทุกข์ของพี่น้องรอบข้างมากน้อยเท่าใด?
-มือของเราช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ให้หลุดพ้นจากความยากลำบากนั้นบ้างหรือไม่? หรือเราเฉยเมย?
พี่น้อง พระเจ้าทรงเรียกและเลือก “บุคคลธรรมดา” เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ เมื่อทรงเลือกพระองค์จะเผยแสดงพระองค์เพื่อให้ผู้ที่ถูกเลือกรู้จักพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น และเมื่อทรงมอบภารกิจสำคัญ พระองค์ก็ทรงให้ความมั่นใจว่าพระองค์ทรงฤทธานุภาพ และฤทธานุภาพนั้นจะปกป้องผู้ที่พระองค์ทรงเรียกให้สามารถกระทำภารกิจของพระองค์จนเสร็จสิ้นได้ พระเจ้าทรง สังเกตเห็น ได้ยิน รู้ดี และลงมาช่วย ประชากรของพระองค์เสมอ พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งดีให้กับลูกของพระองค์ ดังนั้น หากเราพบกับอุปสรรค หรือความยากลำบากในชีวิต จงมีความหวัง และจงเป็นความหวังให้กับผู้อื่น แม้ความกลัวจะทำให้เราขลาด แต่จงเชื่อมั่นในพระเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ทรงประทานผู้นำความรอดพ้นให้กับเราแล้ว และพระองค์ผู้นั้นคือบุคคลที่สองที่พ่อจะกล่าวถึงต่อไป
บุคคลที่สอง คือ องค์พระเยซูเจ้า พระศาสนจักรเลือกคำสอนของพระเยซูเจ้าซึ่งนักบุญลูกานำมาบอกเล่าในพระวรสารวันนี้มาให้เรารำพึง ซึ่งพ่อเชื่อว่าเป็นแก่นคำสอนสำคัญที่สะท้อนมิติหนึ่งของความรักในมุมมองของพระเจ้าสำหรับเราคริสตชน “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดแก่คนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จงโค่นมันเสียเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้ปีนี้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้นใส่ปุ๋ย ดูซิ ว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’ ” พระเยซูเจ้าทำหน้าที่ดุจเดียวกับคนสวน ที่วอนขอเจ้าของสวนให้เก็บต้นมะเดื่อเทศที่ปลูกมาสามปีแล้วแต่ไม่ออกผลไว้ต่ออีกหนึ่งปี พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะพรวนดินรอบต้นใส่ปุ๋ยด้วยหวังว่าจะออกผล แต่หากไม่ ก็พร้อมที่จะให้เป็นไปตามที่เจ้าของสวนต้องการ
หากพี่น้องจำพระวรสารอาทิตย์ที่แล้วได้ วันนั้นบนภูเขา ฉลองพระองค์ของพระเยซูเจ้ามีสีขาวเจิดจ้า มี“เสียงที่ดังออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร จงฟังท่านเถิด” เป็นการเปิดเผยให้ทราบเราว่า พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์คือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร และมอบภารกิจสำคัญซึ่งจะต้องกระทำให้สำเร็จ อาทิตย์นี้ พระศาสนจักรจึงย้ำชัดอีกครั้งหนึ่งถึงภารกิจของพระเยซูเจ้าในมิติของความรัก ความเมตตาในรูปแบบของพระเจ้า ทั้งนี้ เพื่อเป็นความหวังสำหรับเราคริสตชน ประดุจคนสวนที่ขอร้องให้รักษาต้นมะเดื่อเทศไว้อีกหนึ่งปี โดยให้คำมั่นว่า…ผม…
“จะพรวนดินรอบต้นใส่ปุ๋ย” ผลงานซึ่งเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ด้วยความรัก ความเมตตา
“จะพรวนดินรอบต้นใส่ปุ๋ย” ด้วยการให้โอกาสและด้วยความเอาใจใส่
“จะโอบอุ้มทุกสิ่งด้วยอ้อมแขนที่ถูกตรึง”
“จะให้อภัยและไถ่ให้รอด” เหล่าต้นมะเดื่อทุกต้นที่ไม่ออกผล มอบคืนแด่พระบิดา โดยไม่ให้ถูกโค่นทิ้ง
ขอให้เทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พ่อย้ำอยู่เสมอว่า เราต้องหยุด ไตร่ตรอง และหันกลับเพื่อปรับชีวิตของเรา ขอให้วิธีคิด วิธีปฏิบัติขององค์พระเยซูเจ้า และแม้แต่บุคคลในพระคัมภีร์ เช่น โมเสส ที่พระศาสนจักรเสนอให้เรารำพึงถึงในวันนี้ เป็นตัวอย่างให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า…
พระเจ้าทรงเรียกและเลือก เรา “คริสตชน” ศิษย์หรือคนของพระคริสต์
พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์เสมอ เมื่อเรามาพบปะพระองค์เป็นการส่วนตัว
ทรงมอบภารกิจสำคัญให้แก่เรา เป็นโมเสสเพื่อนำเพื่อนพี่น้องรอบข้างไปสู่แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ ที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ และเป็นศิษย์ที่ต้องร่วมมือกับองค์พระเยซูเจ้า เป็นช่องทางแห่งความหวัง ความรัก ความเมตตา การให้โอกาส และการให้อภัย
ดังนั้น “จงกลับใจ เปลี่ยนชีวิตเถิด เพื่อที่ท่านจะไม่ต้องพินาศไป”…