ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต ปี C
ยน 8: 1-11 …นางเอ๋ย…เราก็ไม่ลงโทษเจ้าด้วย…ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก…
เราซึ่งเป็นคนบาป บางทีเราก็ยังอยากขว้างก้อนหินปรับโทษเพื่อนพี่น้องของเราอยู่…ดังนั้น ขณะที่เรากำลังพิจารณาดูบาปความผิดของเราอยู่ในขณะนี้ ต่อหน้าแท่นบูชาขององค์พระเยซูคริสตเจ้า เราอาจจะจำได้ว่าเราเคยได้ตัดสินหรือเข้าใจผิดต่อเพื่อนพี่น้องของเราอย่างใจร้ายเกินเหตุและอย่างไม่เป็นธรรม…ก็ขอให้เราได้ทูลขออภัยจากพระเจ้าและจากองค์พระเยซูเจ้าด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นคนบาปของเรา
ข้อคิด…ไม่มีใครสมควรจะโดนตัดสินลงโทษ มากไปกว่าคนที่หลอกตัวเองว่าเป็นผู้ชอบธรรม…เมื่อคนอื่นเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาคนนั้นจะต้องใช้มาตรฐานที่สูงส่งสำหรับจะว่ากล่าวลงโทษ พลางมีข้อเรียกร้องมากมาย ไม่ยอมรับข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นจากคนๆนั้น ไม่มีการยกเว้นและทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น…แต่เมื่อเรื่องเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาก็จะทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นความผิดของตนเองและให้อภัยตัวเองได้อย่างง่ายๆ
ในทางกลับกัน ก็ไม่มีใครที่จะมีเมตตาธรรมและเข้าใจคนอื่น มากไปกว่าคนที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นคนดีจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์พระเยซูเจ้าเองซึ่งเราได้เห็นตัวอย่างอันน่าอัศจรรย์นี้ในพฤติกรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงต่อหญิงคนบาปคนนั้นที่ถูกจับได้ขณะล่วงประเวณีในพระวรสารที่เราเพิ่งได้ยินได้ฟังเมื่อสักครู่นี้…และนอกจากนั้นก็ยังมีบรรดานักบุญซึ่งเราสามารถพบเห็นตัวอย่างได้ในชีวิตของพวกท่าน
หญิงคนบาปคนนั้นถูกจับได้ และจะต้องโดนลงโทษเอาหินทุ่มจนตายตามบทบัญญัติของโมเสส ก็เพียงเพราะได้ล่วงประเวณี แต่ว่า ณ ที่เกิดเหตุการณ์และ ณ ที่นี้ในวัดของเรา ก็อาจจะยังมีบาปอื่นๆอีกมากมายและอาจจะเป็นบาปหนักๆและร้ายแรงกว่าด้วยของคนที่กำลังคิดจะเอาหินทุ่มหญิงคนนั้นและของพวกเรา
มีบาปที่น่าเกลียดน่าชังอย่างอื่นๆที่คงจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันจากพวกคัมภีรจารย์และพวกฟาริสี พวกเขาได้ทำการประจานนางให้ได้รับความอับอายอย่างสุดๆ เป็นความอับอายต่อหน้าสาธารณชน เราคงได้ยินได้ฟังหรือได้เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือในโทรทัศน์ว่าหลายๆคนได้ยอมฆ่าตัวตายดีกว่าจะต้องโดนประจานให้อับอายขายหน้าทำให้เสียศักดิ์ศรี…บรรดาธรรมาจารย์และพวกฟาริสีไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกของคนอื่นในเรื่องนี้เลย หรือแม้จะปฏิบัติต่อคนอื่นในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนๆกับพวกเขา หญิงคนบาปคนนั้นคงจะเป็นใครบางคนที่พวกเขาคิดว่าสามารถใช้เป็นกับดักสำหรับจับผิดพระเยซูเจ้าได้ การใช้บุคคลอื่นในลักษณะเช่นนี้ จะต้องได้รับการประณามมากกว่าเสียอีก
นอกจากนั้น ยังมีบาปที่ได้เกิดขึ้นในท่าทีของพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีที่มีต่อพระเยซูเจ้าอีกด้วย พวกเขากำลังดำเนินตามหนทางแห่งความมืดบอด พวกเขามีแต่เป้าหมายเดียว คือต้องการกำจัดพระองค์เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาได้ทำการฆาตกรรมพระเยซูเจ้าทางความคิดแล้ว ก่อนที่จะลงมือทำจริงๆ
แม้ว่าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีได้ทำการประจาน และได้ทำให้หญิงคนบาปคนนั้นได้รับความอับอายขายหน้า และได้คิดจะฆาตกรรมพระเยซูเจ้า…แต่ในเวลาเดียวกันก็มีอะไรที่น่าทึ่งและอ่อนโยนอย่างยิ่งในท่าทีของพระเยซูเจ้าที่แสดงออกต่อพวกเขา พระองค์มิได้ตัดสินลงโทษพวกเขา แต่พระองค์ได้ทรงเปิดโปงพวกเขา พระองค์ไม่ได้ประจานพวกเขาต่อหน้าสาธารณชน พระองค์มิได้ทำการตัดสินพวกเขาด้วยซ้ำไป ตรงข้ามพระองค์ได้เชื้อเชิญพวกเขาให้ตัดสินตัวพวกเขาเอง…แทนที่พระองค์จะตอบคำถามของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา พระองค์ได้เริ่มเขียนอะไรบางอย่างบนพื้นดิน พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ เพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาไตร่ตรองพิจารณามโนธรรมของพวกเขาเองถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำและที่ได้ทำลงไป
นี่ทำให้เราได้แลเห็นอะไรบางอย่าง ในท่าทีสองแบบที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดของพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อหญิงคนบาป คือของพวกฟาริสีและของพระเยซูเจ้า…พระเยซูเจ้าปฏิเสธที่จะลงโทษนาง พระองค์บอกให้นางได้แก้ไขพฤติกรรมของนางเสียใหม่และได้ทรงกระทำอย่างอ่อนโยนด้วย…วิธีเข้าหาของพระองค์ดูคล้ายกับหมอที่ทำการผ่าตัดที่ดี โดยประสานความสุภาพอ่อนโยนและความนุ่มนวลเข้าด้วยกันขณะที่ทำการผ่าตัด เพราะพันธกิจของพระเยซูเจ้าคือความรักเมตตาสงสารและการให้อภัย มิใช่การตัดสินและการลงโทษ พระองค์มิได้เสด็จมาเพื่อประจานความผิดของประชาชน แต่มาเพื่อรักษาบาดแผลใจและกายให้หาย
เป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าวโทษคนอื่น เราทุกคนจะต้องเรียนรู้จากแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่จะไม่กล่าวโทษผู้อื่น พฤติกรรมที่จะกล่าวโทษคนอื่นนั้น ย่อมเป็นบาปชนิดหนึ่ง…แน่นอนเวลานั้นเป็นเวลาที่จะใช้แก้ไขคนอื่น แต่ต้องทำอย่างมีศิลปะ…คือต้องทำด้วยใจรักและเมตตาสงสาร แต่ก็ต้องตรงไปตรงมาด้วย โดยไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง นอกจากให้เขาได้กลับใจเป็นคนดี
แน่นอน ไม่มีอะไรที่จะมีความสำคัญในชีวิตมากไปกว่าการแสดงออกซึ่งความรักเมตตาสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
…ใครที่ไม่มีบาป ก็ขอให้เขาได้ทุ่มหินเป็นคนแรก นี่เป็นคุณค่าของชีวิต ถ้าหากว่าเราสามารถพูดได้เช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพูดกับตัวเอง…
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์