ข้อคิดอาทิตย์พระมหาทรมาน
พี่น้องที่รัก ทุกๆ เช้าพระองค์ทรงปลุกข้าพเจ้า ทรงปลุกหูข้าพเจ้าให้ฟังเหมือนศิษย์ที่พระองค์ทรงสอน… องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้ามีลิ้น เหมือนลิ้นของศิษย์ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพูดจาให้กำลังใจแก่ผู้เหน็ดเหนื่อย…
ขอสันติสุขของพระเจ้า สถิตอยู่พี่น้องทุกท่าน….
อาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ใบลาน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลุกเราให้ตื่นขึ้น มาพบกับพระองค์อีกครั้ง อยู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพระองค์ ผู้ที่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น รับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเราถ่อมพระองค์ลง ไม่ต่อต้าน ไม่หันหลังหนีไป หันหลังให้แก่ผู้โบยตี หันหน้าให้แก่ผู้ที่ดึงเครา และไม่ซ่อนหน้าแก่ผู้สบประมาทและถ่มน้ำลายรด ยอมรับความตายบนไม้กางเขน
พี่น้องที่รัก หากเรามีเวลาเหลืออีกเพียงหนึ่งอาทิตย์บนโลกใบนี้ พี่น้องจะใช้เวลาที่เหลือนี้ ทำอะไรบ้าง?
คำถามธรรมดาๆ แต่พ่อเชื่อว่าคำตอบที่พ่อจะได้รับคงแตกต่างกันไปตามบริบทชีวิตของพี่น้องแต่ละคน ก่อนที่พี่น้องจะตอบคำถามของพ่อ พ่ออยากเชิญชวนเราทุกคนให้อยู่กับพระเยซูเจ้าในวาระสุดท้ายของพระองค์ พระวรสารในวันนี้ได้นำคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (22:14-23:56) ที่เขียนถึงเรื่องราวพระทรมานซึ่งมีหลายตอนที่พ่อรู้สึกประทับใจ แล้วบางทีพี่น้องอาจจะมีคำตอบที่ดีสำหรับเวลาเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์บนโลกใบนี้อย่างมีความหมายต่อไป
ข้อคิดสะกิดใจที่พ่อรำพึงและไตร่ตรองจากเรื่องราวพระทรมานในวันนี้ พ่อขอนำเสนอแบบอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้าในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนเข้าสู่การทรมานและความตาย พระองค์ทรงใช้เวลาที่เหลือนี้ไปกับอะไร อันที่จริงหากจะพิจารณาอย่างละเอียดคงมีหลายอย่างที่พระองค์ทรงกระทำ แต่มีอยู่ 2 อย่างที่พ่อรำพึงและอยากนำมาแบ่งปันกับพี่น้อง ด้วยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดูอาจจะธรรมดาแต่มีความหมายมากจริงๆ สำหรับพ่อ
1.ก่อนจะทรงรับทรมานและความตาย…
พระเยซูเจ้าทรงอยู่ที่ห้องใหญ่ชั้นบน (ลก.22:12) ประทับที่โต๊ะอาหาร รับประทานอาหารร่วมกับบรรดาอัครสาวก พระองค์ตรัสว่า
“เราปรารถนาอย่างยิ่งจะกินปัสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน…เราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะเป็นความจริงในพระอาณาจักรของพระเจ้า”
โต๊ะอาหาร ไม่ใช่เป็นเพียงเวลาของการกิน ดื่ม เท่านั้น แต่เป็นเวลาของการกระชับความสัมพันธ์กับคนที่เรากินและดื่มด้วย พี่น้องเห็นพ้องกันกับพ่อหรือไม่?
มื้ออาหารเป็นเวลาของการสร้างสัมพันธภาพ เมื่อเรานั่งลงที่โต๊ะอาหาร กิน ดื่ม ทำให้เราอิ่มท้อง แต่ที่มากกว่านั้นสัมพันธภาพอันเกิดจากการพูดคุย แลกเปลี่ยน แบ่งปัน ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันยิ่งทำให้เราอิ่มใจ หากเราอ่านพระวรสารของท่านนักบุญยอห์นร่วมด้วย จะเห็นว่า ในโต๊ะอาหารวันนั้นพระเยซูเจ้าทรงใช้เวลาค่อนข้างมากกับศิษย์ของพระองค์นอกจาก กิน ดื่มร่วมกันกับพวกเขาแล้วพระองค์ยังทรง….
- ให้แบบอย่างของการรับใช้กันด้วยความรัก และถ่อมตน โดยการล้างเท้าบรรดาศิษย์ “เราซึ่งเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน” (ยน.13:14-15)
- ให้แบบอย่างของการเสียสละ โดยพระกายที่ถูกบิและพระโลหิตที่หลั่งออกซึ่งเป็นเครื่องหมายสะท้อนถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ที่พระองค์จะทรงมอบให้แก่โลก
“นี่คือกายของเรา ที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย”
“ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราที่หลั่งเพื่อท่านทั้งหลาย”
และสั่งว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” - ให้คำสอนอันทรงคุณค่าแก่เรา…
“เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน.13:34-35)
“ใจของท่านทั้งหลายอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย” (ยน.14:1)
“เราเป็นหนทางความจริงและชีวิต ไม่มีใครไปหาพระบิดาได้ นอกจากผ่านทางเรา” (ยน.14:6)
“เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเรากับท่าน เราให้สันติสุขกับท่านไม่เหมือนกับที่โลกให้” (ยน.14:27)
“เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก” (ยน.15:5)
“เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านานของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่า ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” (ยน.15:15-17)
2.ก่อนที่จะทรงรับทรมานและความตาย…
พระเยซูเจ้าทรงเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เพื่ออธิษฐานภาวนา
“จงอธิษฐานภาวนาเถิด เพื่อจะไม่ถูกทดลอง”
“พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด”
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงใช้เวลาในโต๊ะอาหาร กับศิษย์ที่ทรงรัก ศิษย์ที่ไม่ได้เลือกมาเพื่อรับใช้พระองค์ แต่เลือกเพื่อให้พระองค์ได้รัก และรับใช้ เลือกมาเพื่อให้เป็นมิตรสหายของพระองค์ กิน ดื่ม เดินทาง ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดเวลา และเรียนรู้จักพระองค์แนวทางที่เป็นความจริง และเป็นชีวิต ขอให้ทุกครั้งที่เราดื่ม กิน ใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้องรอบข้าง เป็นเวลาแห่งพระพรที่เราอยู่เพื่อแบ่งปันชีวิตแก่กันและกัน ประดุจปังที่ถูกบิ และเหล้าองุ่นที่หลั่งรินให้เราดื่ม…
ท้ายที่สุด ขอให้ภูเขามะกอกเทศสถานที่แห่งความเงียบ สงบ ที่พระเยซูเจ้าทรงเลือกใช้เวลาที่เหลือเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนทรงถูกทรยศโดยศิษย์ที่พระองค์ทรงเลือก ก่อนรับทรมานและความตาย เป็นสถานที่ที่เราเลือกที่จะเดินเข้าไปเพื่อพบปะกับพระบิดา อธิษฐานภาวนาขอพละกำลัง ขอให้บทภาวนาที่พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระบิดา เป็นแบบอย่างให้เราเลือกพระประสงค์ของพระเจ้าในการเดินทางของชีวิตเสมอ ขอบคุณพระเจ้าในทุกสิ่ง โดยเชื่อด้วยความกตัญญูว่า ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า เป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ก็เป็นของข้าพเจ้า
พี่น้อง ในแต่ละวันของชีวิตของเรา เราเลือกที่จะใช้เวลาที่มีค่าของเราอยู่ที่ไหน และกับใครบ้าง ไม่ผิดที่เรามักสาละวนกับภาระหน้าที่การงาน คนรอบตัว ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำรงชีวิต แต่อย่าลืมที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหน้าพระแท่นในบูชามิสซา มาอยู่ เป็นมิตรสหายของพระองค์ ปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงสั่ง และอธิษฐานเพื่อโมทนาพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานให้กับชีวิตของเรา ไม่ต้องรอจนวาระสุดท้าย อาทิตย์สุดท้าย หรือวันสุดท้าย แต่ให้ทุกวัน เป็นเวลาที่เราร่วมโต๊ะเพื่อแบ่งปันพระพรแก่คนในครอบครัว เพื่อนรอบข้าง เสมือนนั่งอยู่กับพระองค์ ปรับหัวใจของเราให้เป็นเนินแห่งความเงียบสงบ มีสันติสุข เป็นสถานที่แห่งการอธิษฐานภาวนาใกล้ชิดพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา และภาวนาแบบที่พระองค์ทรงภาวนา….
“ข้าแต่พระบิดา ชีวิตนิรันดร คือ การรู้จักพระองค์ พระเจ้าแท้จริงแต่พระองค์เดียว และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา คือ พระเยซูคริสตเจ้า ข้สพเจ้าทำให้พระองค์ทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้แล้ว โดยปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จตามที่ทรงมอบหมายกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้แสดงพระนามของพระองค์ กับมนุษย์ที่พระองค์ทรงนำจากโลกมามอบให้ข้าพเจ้า บัดนี้ เขารู้แล้วว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้น มาจากพระองค์ เพราะพระวาจาที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้มอบให้เขาแล้ว เขาได้รับไว้และรู้แน่นอนว่าข้าพเจ้ามาจากพระองค์ และเขาก็เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า เป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ก็เป็นของข้าพเจ้า ” (เทียบ ยน.17:1-10)
…เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน….
ขอพระเจ้าอวยพระพร…