บทอ่านจากเริ่มต้นจดหมายที่เชื่อว่าเป็นของนักบุญบารนาบัส
ความหวังในชีวิตนิรันดรเป็นจุดเริ่มและจุดจบความเชื่อของเรา
………………………………………………………………………
สวัสดี ลูกที่รักทั้งหลาย เดชะพระนามพระเจ้าผู้ทรงรักเรา สันติสุขจงมีแก่ท่านทุกคน
พระเป็นเจ้าประทานพระพรนานัปการแก่พวกท่าน ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างเหลือล้น กับชุมชนอันศักดิ์สิทธิ์และมีเกียรติของพวกท่าน พวกท่านได้รับพระหรรษทาน ซึ่งเป็นพระคุณของพระจิตเจ้าอย่างอุดมบริบูรณ์ โดยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงมีหวังในความรอดของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระจิตของพระเจ้าทรงหลั่งพระพรนานัปการ ลงมายังพวกท่านอย่างเหลือคณนา ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งจะได้เห็นหน้าพวกท่าน เมื่อนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะเต็มตื้นด้วยความยินดีสักเพียงไร
บัดนี้ ข้าพเจ้าเชื่อและรู้แน่ว่า ข้าพเจ้ามีความรู้มากขึ้น เมื่อสนทนากับพวกท่าน เพราะพระเจ้าทรงนำข้าพเจ้า อยู่ในทางแห่งความชอบธรรม และข้าพเจ้าถูกชักจูงทุกวิถีทางให้รักพวกท่านยิ่งกว่าชีวิตของข้าพเจ้าเอง แน่นอนพวกท่านมีความเชื่อมั่นคงและความรักร้อนรน เพราะชีวิตของท่านมีความหวังอยู่ในพระคริสตเจ้า ฉะนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าการเกี่ยวข้องกับท่าน ยังดลใจให้ข้าพเจ้ามอบส่วนหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับแก่พวกท่านแล้ว หากข้าพเจ้ารับใช้วิญญาณสูงส่งของพวกท่าน ข้าพเจ้าจะได้รับบำเหน็จมากมายสักเพียงไร ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตั้งใจเขียนจดหมายมาถึงพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะได้มีความรู้ครบครันตามความเชื่อของท่าน
พระเจ้าได้ประทานคำสอนขั้นมูลฐานสามข้อแก่เรา คือความหวังที่จะได้รับชีวิตนิรันดร เป็นจุดเริ่มและจุดจบแห่งความเชื่อของเรา ความยุติธรรมซึ่งเป็นจุดเริ่มและจุดจบแห่งความชอบธรรมของเรา ความรักเป็นพยานน่ารักและน่ายินดี ยืนยันถึงกิจการแห่งความชอบธรรม พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้เรารู้ถึงอดีตและปัจจุบันโดยทางประกาศกของพระองค์ และพระองค์ได้โปรดให้เราสามารถลิ้มรสอนาคตล่วงหน้า เมื่อเราเห็นพระทำนายสำเร็จไปตามระเบียบที่ทรงกำหนดไว้ ทำให้เรายำเกรงพระองค์มากยิ่งขึ้น ขอให้ข้าพเจ้าได้แนะนำสิ่งเล็กน้อยนี้แก่พวกท่าน เพื่อนำความยินดีมาสู่ท่านในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ มิใช่ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครู แต่เป็นคนหนึ่งในพวกท่าน
เมื่อวันชั่วช้าปกคลุมพวกท่าน และอันธพาลแห่งความชั่วยึดอำนาจ พวกท่านจงตั้งมั่นอยู่ในความดีและเสาะหาหนทางของพระเจ้า ความยำเกรงพระเจ้าและการยืนหยัดในความดี จะทะนุบำรุงความเชื่อของเรา ความอดทนและความมัธยัสถ์เป็นที่พึ่งของเราเช่นกัน ในเมื่อเรายึดมั่น อยู่ในคุณธรรมที่กล่าวมานี้ จงยกตายกใจขึ้นหาพระเป็นเจ้า พระปรีชาญาณ สติปัญญา ความรู้ ความรู้จักสอดส่อง จะเป็นพลังให้เราเจริญชีวิตอยู่กับเขาอย่างสันติ
แน่นอน พระเป็นเจ้าได้ทรงไขแสดงแก่เราโดยทางประกาศกว่า พระองค์ไม่ทรงต้องการเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชา พระองค์ตรัสในที่แห่งหนึ่งว่า “สารพัดเครื่องบูชาของท่านนั้นเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา? เรามีเครื่องบูชาพร้อมมูลทุกอย่าง เราไม่ต้องการไขมันและลูกแกะ เลือดของวัวผู้และของแพะ และไม่ต้องการให้ท่านมาให้เราเห็นท่านด้วย ใครหรือขอสิ่งเหล่านี้จากมือของท่าน? ท่านจะไม่ได้เหยียบท้องพระโรงของเราอีก การถวายแป้งละเอียดของท่านเป็นของไร้สาระ กำยานถวายของท่านน่ารังเกียจสำหรับเรา เราไม่สามารถรับวันฉลองเดือนขึ้นใหม่และวันซับบาโตของพวกท่าน”.
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ที่วันแห่งหนึ่ง ทุกอาทิตย์ที่พ่อทำมิสซา พ่อเห็นชายวัยกลางคน คนหนึ่งมาวัดเป็นประจำ ชายคนนี้จะนั่งอยู่ตรงที่นั่งกลางวัดด้านซ้าย ทุกครั้งที่มิสซาจบลงผู้ชายคนนี้ก็จะเดินมายกมือไหว้ ทักทายพ่อและสนทนากันเล็กๆ น้อยๆ เสมอเกี่ยวกับบทเทศน์ เขามักจะแบ่งปันความยากลำบากในการทำงาน ปัญหาครอบครัว รวมถึงการอบรมดูแลลูกๆ ที่เขารู้สึกว่ามันหนักหนามากสำหรับยุคนี้ เวลาผ่านไปครึ่งปี ในวันอาทิตย์หลังปัสกาพ่อมองลงไปจากพระแท่น พ่อรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นชายคนนั้นเหมือนทุกอาทิตย์ที่ผ่านมา เลิกมิสซาพ่อโทรศัพท์ไปสอบถามกับภรรยาของเขา ทำให้ทราบว่า สองวันก่อนเขาล้มศรีษะกระแทกพื้น ต้องเข้าโรงพยาบาลและผ่าตัดด่วนเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ต้องนอนติดเตียง รับการรักษาต่อเนื่อง โดยภรรยาต้องหยุดงาน เพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
พี่น้องครับ อาทิตย์นี้ พระศาสนจักรเชิญชวนให้หันกลับมาไตร่ตรองชีวิตของเรา และพิจารณาถึง “ความไม่เที่ยงแท้” ในบทอ่านที่หนึ่ง ปัญญาจารย์ พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” พ่อนั่งลงไตร่ตรองชีวิตตนเอง แล้วรู้สึกเห็นใจ และเสียดายที่จะไม่โอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับชายคนนี้เหมือนที่ผ่านมาได้อีก ทำได้เพียงไปเยี่ยมให้กำลังใจ
พี่น้อง สดุดีที่ 90 บอกเราว่า “พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นฝุ่นดิน …. พระองค์ทรงบันดาลให้ชีวิตจบลงเหมือนจมน้ำ สั้นเหมือนความฝันในยามเช้า เหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้น ในยามเช้าต้นหญ้าเติบโตขึ้นและออกดอก ในยามเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวแห้ง”
จริงอยู่ที่เราทุกคนมีภาระหน้าที่การงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ปล่อยปละละเลยชีวิตจิตวิญญาณของตัวเองไปสิ่งล่อใจที่โลกมอบให้ สลวนไปกับการสะสมทรัพย์สมบัติที่เกินความพอเพียง กิน เที่ยว ดื่ม อย่างสนุกสนาน แต่กลับลืมพระเจ้าผู้ทรงเป็นต้นกำเนิดและวาระสุดท้ายของชีวิต เหมือนกับเศรษฐีในพระวรสารที่นักบุญลูกานำเสนอเป็นแบบอย่างในวันนี้ เขามีที่ดินมากมาย และก่อให้เกิดผลดีอย่างมาก จึงคิดว่า จะรื้อยุ้งฉาง สร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วพูดกับตนเองว่า “ฉันมีทรัพย์สมบัติเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กิน ดื่มและสนุกสนานเถิด” สุดท้าย เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ทุกสิ่งที่สะสมมาก็ถูกพรากไป เช่นเดียวกับที่ปัญญาจารย์กล่าวไว้อีกว่า “มนุษย์จะได้ประโยชน์อะไร จากความยากลำบากตรากตรำทั้งหมด.. ทุกวันของเขามีแต่ความทุกข์..แม้ในเวลากลางคืน จิตใจของเขายังไม่ได้หยุดพัก…”
พี่น้อง นักบุญเปาโลสอนเรา “จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด อย่าพะวงถึงสิ่งของบนโลกนี้” ท่านสอนด้วยประสบการณ์ชีวิตของท่านเอง ภายหลังจากกลับใจ ท่านไม่ได้เปลี่ยนแค่การกระทำ แต่ท่านเปลี่ยนทั้งหมด เปลี่ยน Mindset เปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติ ความรู้สึก ความต้องการ และการยึดมั่นทั้งหมดที่ท่านมีมาตลอดชีวิต ดังที่ท่านสอนว่า “ท่านทั้งหลายตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า ท่านทั้งหลาย จงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน…ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อมุ่งไปตามภาพลักษณ์ของพระผู้สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีก หรือ ชาวยิว การเข้าสุหนัต หรือ ไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน หรือ ชาวสิเธีย การเป็นทาส หรือ เป็นคนอิสระ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ที่สำคัญคือ …..พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
พี่น้อง “จงให้ความสำคัญกับคนที่สำคัญ เพราะคำว่า ไว้ทีหลัง อาจจะกลายเป็นคำว่าสายเกินไป” พ่ออยากจะย้ำกับพี่น้องอีกครั้งว่า พระเจ้าเป็นต้นกำเนิด และวาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตวิญญาณของเรา อย่ามัวแต่สลวนกับสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ในโลกนี้ แต่จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด มาหาพระ มาพบพระ ผู้ที่เป็นเพื่อนแท้และพระเจ้าแท้ผู้เป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตวิญญาณของเรา
“บางครั้ง เราก็มองไม่เห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้น อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง” อย่าปล่อยให้พระองค์หลุดหายไปจากชีวิตของเรา มาอยู่กับพระองค์ในบูชามิสซา รับพระองค์ เชิญพระองค์ให้เข้ามาประทับอยู่ในตัวเราบ่อยๆ อย่าจมอยู่แต่กับสิ่งไม่เที่ยงแท้ ซึ่งแต่จะสูญหายไปตามกาลเวลา อุตส่าห์มีของมีค่าอยู่กับตัวแล้วแท้ๆ อย่าปล่อยให้ชีวิตถูกทวงคืนกลับไป ถึงจะรู้ว่า พระเจ้า มีค่าและมีความหมายต่อเราเพียงใด
ขอพระเจ้าอวยพระพร…