เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายของปีพิธีกรรม เตือนใจเราให้คำนึงถึงเรื่องราวที่เป็นวาระสุดท้ายในภาพใหญ่ก็คือการสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง หรือที่เราเรียกว่าวันสิ้นพิภพ เราอาจจะคิดไปไม่ถึงว่าในเวลานั้นจะเป็นอย่างไร เหมือนกับเมื่อคราวที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลกจักรวาลและมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่ความคิดของเราไปไม่ถึง แต่เราก็มีความเชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างเราขึ้นมาเพื่อให้เราได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ระยะสั้นๆ หลังจากจบชีวิต ทุกคนก็จะก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร ด้วยเหตุนี้ เมื่อพี่น้องมาร่วมพิธีบูชามิสซาในช่วงเวลานี้ ก็จะได้ฟังข้อความจากพระคัมภีร์ที่เตือนสอนเราให้คิดและไตร่ตรองถึงความจริงที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน นั่นก็คือวาระสุดท้ายของชีวิต ที่จะต้องผ่านเข้าสู่ประตูความตาย ซึ่งจะเป็นเวลาที่แต่ละคนจะต้องไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระเจ้า จะทรงเป็นผู้พิพากษาตัดสิน เพื่อคนที่ดีพร้อมเหมาะสมจะได้รับความสุขนิรันดร พระวาจาของพระในช่วงนี้จึงเป็นคำเตือนสอน เป็นความห่วงใยของพระเจ้า ที่บอกเราแต่ละคนว่า วันเวลาในชีวิตของทุกคนสั้นลง ที่ยังคงมีอยู่ก็ไม่มากนัก ขอให้ใช้ดีๆ วันเวลาเมื่อผ่านเลยไปก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนและไม่มีใครสามารถขอเพิ่มได้อีก
คำสอนที่พระเยซูเจ้าอธิบายเพื่อให้เราเข้าใจเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย พระเจ้าจะแยกพวกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะที่แยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่ทางขวา ส่วนแพะให้อยู่ทางซ้าย เป็นการแยกชัดเจน แม้ว่าจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ก็จะค่อยๆแยกทีละตัว ไม่มีผิดพลาด แยกด้วยลักษณะเฉพาะของแต่ละตัว คำสอนตอนนี้พระเยซูเจ้าได้บอกถึงมาตรการที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อการคัดแยก ผู้ชอบธรรม คือคนที่ทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ รักช่วยเหลือเอาใจใส่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่ยากจน คนที่ไร้ที่พึ่ง คนที่ไม่มีใครสนใจ คนกลุ่มนี้ถูกแยกออกไว้ เพราะการดำเนินชีวิตด้วยการปฏิบัติดีต่อทุกคน “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกเลือกให้อยู่กับพระเจ้าก็ได้ถามว่า พวกเราไม่เคยได้พบพระเจ้าเลยและจะให้ช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งได้รับคำตอบว่า การที่ท่านไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือคนยากจน คนต่ำต้อย ท่านก็ไม่ได้ทำต่อเรา จึงไม่ควรจะอยู่กับเราในชีวิตนิรันดร
ในช่วงท้ายของปีพิธีกรรมแบบนี้ อยากนำพี่น้องให้คิดถึงการกลับบ้าน เราทุกคนต่างก็มีบ้าน ที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ทุกคนในเมืองสวรรค์ เป็นบ้านที่มีความสุขนิรันดรกับพระเจ้า พระเจ้าสร้างชีวิตเราทุกคนให้เติบโตและมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ที่สุดแล้วเราทุกคนก็จะกลับไปบ้านถาวร ซึ่งเวลานั้นจะไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้เพื่อการดำเนินชีวิตบนโลกนี้เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงหรือมีชีวิตยืนยาว เอาอะไรไปใช้ไม่ได้เลย ชีวิตหน้าไม่ต้องการสิ่งต่างๆ แบบที่ใช้บนโลกนี้เลย และทุกคนก็ไม่มีใครอยากกลับไปเมืองสวรรค์ในตอนนี้ ยังอยากอยู่ในโลกนี้ต่อไปนานๆ หากเป็นแบบนั้นได้ ก็ขอให้การที่มีวันเวลายาวขึ้นบนโลกนี้ ได้เป็นโอกาสที่จะทำกิจการความดี ความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ กับทุกเวลาที่มีมากขึ้นในชีวิต
เราทุกคนต่างก็มีคนในครอบครัว ญาติพี่น้องที่จากไปแล้ว บางท่านก็เป็นบุคคลที่เรายังคงคิดถึงอยู่เสมอ ยังคงสวดภาวนาให้เป็นประจำ แต่อาจจะมีบางท่านที่เราไม่ค่อยได้คิดถึง ไม่ได้สวดให้ หรืออาจจะเกือบลืมไปแล้ว รวมทั้งอาจจะมีบางท่านที่ถูกลืมไปแล้ว วันนี้จึงเป็นโอกาสที่พี่น้องจะหวนคิดถึงพวกเขาเหล่านั้น สวดภาวนาเพื่อพวกเขา รวมทั้งการขอมิสซาอุทิศแด่วิญญาณของพวกเขา
การแพร่ระบาดของไวรัสให้บทเรียนและประสบการณ์มากมายกับเราทุกคน ได้ผ่านไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ มีการประกาศจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ยุติการร่วมพิธีกรรมทางสื่อออนไลน์และขอให้พี่น้องคริสตชนเดินมาร่วมพิธีกรรมต่างๆที่วัดอย่างที่เคยปฏิบัติ ระหว่างนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องปรับตัวระยะหนึ่ง การอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีกรรมต่างๆ ที่วัดอาจจะทำให้เกิดความเคยชินกับการไม่ต้องมาวัด การรับศีลอภัยบาปก็จะห่างๆ ไป อยากให้พี่น้องได้รู้และตระหนักด้วยตัวเองที่จะหันชีวิตกลับมาใกล้ชิดพระเจ้า ชักชวนกันและกัน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุได้มาวัด พ่อแม่บอกเตือนและนำพาลูกหลานกลับมาวัด มาขอพรพระเจ้า.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์