บทอ่านจากคำบรรยายพระวรสารนักบุญยอห์น โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
พระคริสตเจ้าทรงเป็นหนทางไปสู่ความสว่าง ทั้งทรงเป็นความจริงและชีวิตด้วย
พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่เดินตามเรา จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” ในพระวาจาสั้นๆ นี้ พระองค์ประทานคำสั่งและพระสัญญา เราจงปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงสั่ง เพื่อเราจะไม่ต้องอับอาย เพราะเราอยากได้สิ่งที่พระองค์ทรงสัญญา เมื่อเราได้ยินพระองค์ตรัสในวันพิพากษาว่า “เราได้วางเงื่อนไขบางประการสำหรับรับพระสัญญาของเรา ท่านได้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นแล้วหรือ?” ถ้าท่านจะทูลว่า “พระองค์ได้ทรงสั่งอะไรไว้ พระเจ้าข้า พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า” พระองค์จะตรัสกับท่านว่า “เราสั่งให้ท่านติดตามเรา ท่านได้ขอคำแนะนำมาแล้วว่าจะเข้าสู่ชีวิตได้อย่างไร ชีวิตอะไรนะหรือ? ก็คือชีวิตที่มีเขียนไว้ว่า : “ในพระองค์มีลำธารแห่งชีวิตนั้นเอง”
เราจงถือตามคำสั่งของพระองค์ จงเดินตามรอยพระบาทของพระองค์ จงสลัดโซ่ตรวนต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการติดตามพระองค์ ใครจะสามารถสลัดเครื่องผูกมัดออกได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ ดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า “พระองค์ได้ทรงทำลายโซ่ตรวนของข้าพเจ้า” เพลงสดุดีอีกตอนหนึ่งกล่าวถึงพระองค์ว่า “พระเจ้าทรงช่วยผู้ถูกจำจองให้เป็นอิสระ พระองค์ประทานกำลังใจแก่ผู้โศกเศร้า”
ผู้ที่ได้รับอิสรภาพแล้ว มีกำลังใจติดตามความสว่าง ความสว่างที่เขาติดตามกล่าวกับเขาว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ติดตามเราจะไม่เดินในความมืด” พระเจ้าประทานความสว่างแก่คนตาบอด พี่น้องที่รัก เวลานี้ความสว่างฉายแสงในตัวเราแล้ว เราได้รับความเชื่อเป็นยาทาตาแล้ว น้ำลายของพระองค์ปนกับดินสำหรับทาตาคนตาบอดแต่กำเนิด เราเป็นลูกหลานของอาดัม เราตาบอดแต่กำเนิด เราต้องการให้พระองค์ประทานความสว่างให้แก่เรา พระองค์ปนน้ำลายกับดิน ตามที่มีกล่าวทำนายไว้ดังนี้ว่า “ความจริงได้เกิดขึ้นจากแผ่นดิน” พระคริสตเจ้าเองได้ตรัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต”
เราจะครอบครองความจริง เมื่อเราเห็นพระองค์หน้าต่อหน้า นี่เป็นคำสัญญาที่พระองค์ประทานไว้กับเรา ใครจะกล้าไว้ใจว่าจะได้รับสิ่งที่พระเจ้า มิได้ทรงสัญญาจะประทานให้ แม้พระองค์จะทรงพระทัยดีก็ตาม
เราจะเห็นพระองค์หน้าต่อหน้า ท่านนักบุญเปาโลกล่าวว่า “บัดนี้ เรารู้จักพระองค์เพียงบางส่วน บัดนี้ เราเห็นพระองค์อย่างคลุมเครือโดยทางกระจก แต่เมื่อนั้นเราจะเห็นพระพักตร์พระองค์หน้าต่อหน้า“นักบุญยอห์นได้กล่าวไว้ในจดหมายของท่านว่า “ลูกที่รัก บัดนี้เราเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า แต่เรายังไม่แน่ใจว่าในอนาคตเราจะเป็นอย่างไร เรารู้ดังนี้ว่า เมื่อพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมา เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์ดังที่พระองค์ทรงเป็นอยู่ นี่เป็นพระสัญญาที่ยิ่งใหญ่
ถ้าท่านรักเรา จงติดตามเรา “เรารักท่าน” ท่านค้านว่า “แต่ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ได้อย่างไร?” ถ้าพระเจ้า พระเป็นเจ้าของท่านตรัสกับท่านว่า “เราเป็นความจริงและชีวิต” ตัวท่านเองก็อยากพบความจริงและรักชีวิตแน่นอน ท่านอยากขอร้องให้พระองค์แสดงหนทางที่จะบรรลุถึง ท่านคงบอกกับตัวเองว่า “ความจริงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่วิญญาณของฉันจะบรรลุถึงได้ไหม?”…
วันนี้พระวาจาชวนคิด “เรามองเห็นได้เพราะมีแสงมากระทบตา” และได้นำเสนอพระเมตตาและความกรุณาของพระเยซูเจ้า “พระองค์เป็นความสว่างสองโลก”
ในยุคสมัยของบรรดาประกาศก พวกเขาเชื่อว่าพระเมสซิยาห์เสด็จมา พระองค์จะรักษาคนตาบอดและโรคอื่นๆ ซึ่งพระพระเยซูได้รักษาคนตาบอดมิได้แต่เพียงร่างกายเท่านั้น แต่ยังให้แสงสว่างแห่งความเชื่อความศรัทธาด้วย “ด้วยคำถาม เจ้าเชื่อในบุตรมนุษย์ด้วยหรือ?” ดังนั้นเราคริสตชนที่หวังความก้าวหน้าทางวิญญาณ เราจำเป็นต้องวอนขอพระหรรษทานและการเปิดเผยของพระผ่านทางประสบการณ์ที่เราประสบอยู่ ณ เวลานี้
ความมืดบอดทางวิญญาณฟาริสีในอดีต ก็ได้รับความมืดบอดทางวิญญาณ ด้วนการปฏิเสธ ขาดความรัก วางไว้วางใจในพระเยซูแต่วางใจในกฎเกณฑ์ พวกเขาปฏิเสธที่จะเห็นความเจ็บปวดและความอยุติธรรม ไม่มีความเห็นอกเห็นใจที่อยู่ต่อหร้าต่อตาพวกเขา ซึ่งสลับกับชีวิตของพระเยซูเจ้า วางใจในความรัก รัพฝกพระบิดา จึงพยายามรักษา รักษาความรัก คืนความสัมพันธ์ ก้าวข้ามผ่านกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย แบบอย่างการรักษาคนตาบอดและรักษาแบบสองเท่าคือ รักษาในช่วงเวลาวันสะบาโตซึ่งเป็นวันต้องห้ามรักษา ซ้ำยังรัษาด้วยการนวดซึ่งเป็นกิจการการปั้นดิน
ความมืดบอดทางวิญญาณของพวกฟาริสีสมัยใหม่: คือการปฏิเสธการเปิดเผยของพระเจ้า และแม้กระทั่งการไม่ยอมรับมีอยู่จริงของพระเยซู พวกเขามีความภาคภูมิใจของพวกเขาเอง หรือบ้างครั้งอ้างว่าทุกสิ่งจบลงด้วยความตาย และไม่มีชีวิตหลังความตาย แต่การเปิดเผยของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูบอกให้เรารู้ว่ามีชีวิตในอนาคตรอเราอยู่ ซึ่งตามที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 กล่าวไว้ว่า ปาฏิหาริย์ในการรักษาคนตาบอดเป็นสัญญาณว่าพระเยซูไม่เพียงต้องการให้เรามองเห็นเท่านั้น แต่ยังเปิดวิสัยทัศน์ภายในของเราด้วย เพื่อศรัทธาของเราจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเราจะยอมรับว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียวของเรา พระองค์ทรงส่องสว่างทุกสิ่งที่มืดมนในชีวิต และนำชายและหญิงให้ดำเนินชีวิตในฐานะ “บุตรแห่งความสว่าง” (Lenten message-2011)…