บทอ่านจากจดหมายกล่าวถึงวันปัสกา โดยนักบุญอาทานาส พระสังฆราช
เราจงระลึกถึงวันฉลองนี้ด้วยกิจการมากกว่าด้วยคำพูด
พระวจนาตถ์ได้ทรงกลับเป็นทุกสิ่งเพื่อเรา อยู่ใกล้ชิดเรา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ได้ทรงให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอ พระองค์ตรัสว่า “ดูเถิด เราจะอยู่กับพวกท่านเสมอจนสิ้นพิภพ” พระองค์ทรงเป็นชุมพาบาล เป็นพระสงฆ์สูงสุด เป็นหนทางและประตู ทรงเป็นทุกอย่างพร้อมกันเพื่อเรา ในทำนองเดียวกัน พระองค์เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา เหมือนเป็นวันฉลองและวันศักดิ์สิทธิ์ อัครสาวกได้กล่าวถึงพระองค์ซึ่งมนุษย์รอคอยว่า “พระคริสตเจ้าได้ทรงถวายองค์เป็นบูชาปัสกาของเรา” พระคริสตเจ้าได้ทรงส่องสว่าง ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีซึ่งกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นความยินดีของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูที่รายล้อมข้าพเจ้า” ความชื่นชมแท้จริง งานฉลองแท้ คือละทิ้งความชั่ว เพื่อกิจการนี้จะสำเร็จครบถ้วน ท่านต้องเจริญชีวิตในความดีอย่างสมบูรณ์ และรำพึงภาวนาในใจของตน อย่างสงบราบรื่น ในความยำเกรงพระเป็นเจ้า
นี่เป็นชีวิตของบรรดานักบุญ ในชีวิตของท่านทุกโมงยาม ท่านร่าเริงเหมือนว่าเป็นวันฉลองอยู่เสมอ เช่น กษัตริย์ดาวิด ทุกคืนท่านลุกขึ้นอธิษฐานภาวนา ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่ถึงคืนละเจ็ดครั้ง เพื่อเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า ท่านโมเสสผู้ยิ่งใหญ่เปี่ยมด้วยความยินดี ท่านร้องเพลงแห่งชัยชนะสรรเสริญพระเจ้า ต่อการพ่ายแพ้ของฟาโรห์และผู้เบียดเบียนประชากรชาวฮีบรู นักบุญองค์อื่นๆ เช่น ซามูเอลผู้ยิ่งใหญ่ และนักบุญเอลียาห์ หัวใจของท่านเต็มเปี่ยมด้วยความยินดี ขณะที่ท่านปฏิบัติหน้าที่นมัสการพระเจ้า เพราะเหตุว่า เนื่องจากชีวิตศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ท่านได้รับเสรีภาพเต็มเปี่ยม และเวลานี้ท่านทำการฉลองอยู่ในสวรรค์ ท่านยินดีหลังจากเห็นแต่เพียงเงาหรือเพียงลาง ๆ ในเวลาเดินทาง บัดนี้ ท่านเห็นแจ้งจนสามารถแยกแยะของจริงจากของที่พระทรงสัญญาไว้
เมื่อเราฉลองงานสมโภชในชีวิตของเรานี้ เราจะต้องเลือกหนทางไหน? เมื่อวันฉลองใกล้เข้ามา เราจะเลือกใครเป็นผู้นำ? พี่น้องที่รัก เราทุกคนต้องพูดเป็นเอกฉันท์ ไม่มีใครอื่น นอกจากพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้น พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นหนทาง” นักบุญยอห์น กล่าวกับเราว่า “เป็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงยกบาปของโลก” เป็นพระองค์ผู้ทรงชำระวิญญาณของเราให้สะอาดหมดจด ดังที่ประกาศกเยเรมีย์กล่าวว่า “จงลุกขึ้นมองดูหนทางทั่วๆ ไป จงมองดูและจะเห็นหนทางที่ดี จะพบหนทางแห่งการกลับใจใช้โทษบาป”
ในสมัยโบราณ ใช้เลือดแพะประพรมและเถ้าวัวผู้โรยบนผู้มีมลทิน แต่ใช้ได้สำหรับชำระร่างกายเท่านั้น สมัยนี้ โดยพระหรรษทานของพระวจนาตถ์ของพระเจ้า ทุกคนบริสุทธิ์ผุดผ่องเต็มที่ หากเราติดตามพระคริสตเจ้าอย่างใกล้ชิด เราจะมีบุญเหมือนยืนอยู่บนธรณีประตูนครเยรูซาเล็มสวรรค์ และเราจะชื่นบานเชยชมงานฉลองไม่รู้จักจบสิ้น ดังอัครสาวกได้ติดตามพระผู้ไถ่เป็นผู้นำ ได้แสดงและยังคงแสดงหนทางที่จะรับพระคุณนี้จากพระเป็นเจ้า อัครสาวกกล่าวว่า “ดูเถิด เราได้ละทิ้งสารพัดและติดตามพระองค์” เราทุกคนก็เช่นกัน จงติดตามพระอาจารย์เจ้า และจงระลึกถึงวันฉลองนี้ด้วยกิจการมากกว่าด้วยคำพูด…
วันอาทิตย์ทั้งห้าสัปดาห์เทศกาลมหาพรตสอน ให้เห็นภาพการตายและการฟื้นคืนชีพทั้งในความเชื่อและในชีวิตคริสตชน
1) สองวันอาทิตย์แรกบรรยายถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของในชีวิตประจำวันของพระเยซู : การล่อลวง/ทะเลทราย/การปฏิเสธและการแปลงร่าง/ภูเขา/ความรัก
2) จากนั้นเรามีวันอาทิตย์สามวันโดยมีสามสถานการณ์ของการตายและการฟื้นคืนชีพ:
ก) หญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ (การตายทางสังคมเพื่อเป็นมิชชันนารีคนแรก) จากความเชื่อของเธอในพระเยซู สู่แนวทางการเผยแผ่ศาสนาของเธอต่อผู้คนในเมืองของเธอ
ข) ชายตาบอดแต่กำเนิด (จากความตายทางร่างกายและจิตวิญญาณสู่การเติบโตในศรัทธา เมื่อเขารู้จักพระเยซู ชายผู้นี้ และตระหนักว่าพระเยซูคือผู้เผยพระวจนะ ในที่สุด พระเยซูเจ้า ผู้กล้าที่จะประกาศการรักษาแม้จะมีการคุกคามจากการเหยียดหยาม)
ค) ลาซารัส – (เป็นการตายทางร่างกายสู่การฟื้นคืนชีพที่แท้จริง)
ง) Passion Sunday: ย้ายจาก “ภูเขา” (ลา) >>ไปสู่ “ไม้กางเขน”! ชีวิตคือการเดินทางอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การรับพิธีล้างมาไปจนถึงทะเลทรายไปจนถึงการกลายร่างไปสู่ความเป็นจริงที่เรียบง่ายของชีวิตประจำวันและพันธกิจของเรา
ที่แน่นอนที่เรารู้จากห้าสัปดาห์ เราทุกคนรู้ว่าเราจะต้องตาย แต่เราแต่ละคนคิดอย่างโง่เขลาว่าเขาหรือเธอจะไม่ตายในอนาคตอันใกล้นี้ อย่าปล่อยให้เราโง่เขลา ขอให้เราฉลาด เตรียมพร้อมอย่างดี และพร้อมที่จะพบพระเจ้าของเราด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเมื่อเวลานั้นมาถึง Thomas a Kempis เขียนว่า “ทุกๆ การกระทำของคุณ ทุกๆ ความคิด ควรเป็นของคนที่คาดว่าจะตายก่อนวันสิ้นโลก ความตายจะไม่น่ากลัวสำหรับคุณหากคุณมีสติสัมปชัญญะที่เงียบสงบ…. แล้วทำไมไม่ละทิ้งบาปแทนที่จะวิ่งหนีความตาย? ถ้าวันนี้คุณไม่เหมาะที่จะเผชิญกับความตาย พรุ่งนี้คุณก็ไม่น่าเป็นไปได้มากนัก….” (CCC #1014)…..