เราเข้าสู่ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปีพิธีกรรม สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นด้วยวันอาทิตย์แห่ใบลาน คิดถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงประทับนั่งบนหลังลาแทนที่จะเดินเท้า บรรดาชาวยิวที่มีความศรัทธาในตัวของพระองค์ต่างชื่นชมและโห่ร้องสรรเสริญ พวกเขาต้อนรับพระองค์ด้วยการปูผ้าบนทางเดิน ให้พระองค์เสด็จผ่านพร้อมทั้งการนำกิ่งไม้มาโบกแสดงความยินดี พระองค์ได้ให้ศิษย์เตรียมสถานที่เพื่อจะกินปัสกาพร้อมกับบรรดาสาวก การกินปัสกาเป็นเทศกาลฉลองสำคัญของบรรดาชาวยิวที่จะกระทำเป็นประจำทุกปี เป็นการขอบคุณความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงช่วยเหลือ นำบรรพบุรุษของพวกเขาให้หลุดพ้นจากการเป็นทาส เป็นการฉลองอิสรภาพของพวกเขา การกินลูกแกะปัสกายังเป็นการคิดถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าช่วยให้บรรพบุรุษของพวกเขารอดพ้นจากความตาย
พิธีกรรมในวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ภาคเช้าจะมีพิธีบูชามิสซาเพื่อรื้อฟื้นศีลบวชของบรรดาพระสงฆ์ แต่ละสังฆมณฑลจะกำหนดเวลาที่เหมาะสม บรรดาพระสงฆ์จะมารื้อฟื้นความตั้งใจที่เคยมีและได้ถวายชีวิตของตนแต่พระเจ้า เป็นความตั้งใจตั้งแต่วันบวชเป็นพระสงฆ์ ทั้งยังเป็นการขอบคุณพระเจ้า ที่ทรงเมตตาให้ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังฆภาพ ได้ร่วมทำหน้าที่สงฆ์ของพระองค์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จัดมิสซาฉลองสังฆภาพในภาคเช้าของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ พร้อมมีพิธีเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย น้ำมันสำหรับใช้ในพิธีศีลเจิมผู้ป่วย น้ำมันสำหรับคริสตชนสำรองและน้ำมันคริสตมา น้ำมันคริสตมานี้จะใช้เจิมในพิธีศีลล้างบาป ศีลกำลังและศีลบรรพชา เราเห็นความต่อเนื่องและความหมายทางพิธีกรรม พระสังฆราชและบรรดาพระสงฆ์ที่ร่วมในพิธีกรรมทุกคนต่างมีบทบาทและมีส่วนในสังฆภาพของพระเยซูเจ้า ร่วมในพิธีเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และจะนำน้ำมันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กลับไปเพื่อช่วยให้บรรดาคริสตชนได้กลับเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์มีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวใกล้ชีวิตพระเจ้า
ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์จะเรียกว่าตรีวารปัสกา ตามวัดต่างๆมักจะประกอบพิธีมิสซาในช่วงค่ำ เป็นมิสซาระลึกถึงการกินปัสกาของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะกินปัสกา พระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นและล้างเท้าให้พวกสาวกทุกคน จากนั้นจึงกลับมายังที่นั่งและเริ่มกินปัสกา ในค่ำวันนั้นพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกินปัสกาแบบเดิม ที่ต้องฆ่าลูกแกะเพื่อกินเนื้อของมัน แทนที่ด้วยการมอบพระกายของพระองค์ในรูปของแผ่นปัง การดื่มเหล้าองุ่นก็มีความหมายเป็นการดื่มพระโลหิตของพระองค์ ค่ำคืนของวันพฤหัสบดีจึงเป็นการคิดถึงศีลมหาสนิท ที่เป็นพระกายของพระองค์ ทรงประทับอยู่กับเราตลอดเวลาเรื่อยมา ส่วนชีวิตความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ก็เริ่มก้าวเดินไปสู่ความทรมานจนถึงการสิ้นพระชนม์ ด้วยการถูกจับกุมโดยทหารในค่ำคืนนั้น
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงการสิ้นพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า หลังจากที่พระองค์ถูกจับกุมตัวในคืนวันก่อนนั้น รุ่งเช้าก็ส่งตัวพระองค์เข้าสู่การตัดสินลงโทษ ซึ่งบรรดาผู้คนส่วนหนึ่งที่มีความประสงค์จะกำจัดพระเยซูได้ตะโกนกล่าวโทษพร้อมคำตัดสิน ให้นำตัวพระองค์ไปตรึงกางเขน พระองค์จึงถูกนำเข้าสู่โทษของการประหารด้วยการตรึงกางเขน พระองค์ต้องแบกไม้กางเขนที่จะใช้ตรึงออกนอกเมืองไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้ มีการเยาะเย้ยด้วยการสบประมาทต่างๆ ถูกเฆี่ยนตี นำหนามทำเป็นมงกุฎสวมให้ พระองค์ถูกตรึงอยู่บนกางเขน ประมาณบ่ายสามโมงพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ แต่ดั้งเดิมตามวัดต่างๆจะมีพิธีนมัสการกางเขนเวลาบ่าย 3 โมงเวลาสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลง จะเลื่อนเวลาตามที่เหมาะสม สำหรับอาสนวิหารอัสสัมชัญจะมีพิธีแต่รูป 14 ภาพก่อนส่วน การนมัสการกางเขนจะเริ่มเวลา 15.00 น
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ พิธีในค่ำวันนี้จะเริ่มด้วยการเสกไฟ แสงไฟขับไล่ความมืดคือพระเยซูเจ้าที่ได้เสด็จกลับคืนชีพ คือชีวิตที่ชนะความตาย ขบวนแห่เทียนปัสกานำทางให้ทุกคนเดินตามพร้อมถือเทียนที่จุด พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพทรงเป็นแสงสว่างและให้ชีวิตใหม่กับเราทุกคน พิธีในวันนี้นำพาให้คิดถึงแผนการณ์ของพระเจ้าตั้งแต่แรก จนกระทั่งสำเร็จลงเมื่อพระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์ทุกคน การรับศีลล้างบาปของผู้ที่เตรียมเป็นคริสตชน และพี่น้องทุกคนจะร่วมสมโภชการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์…
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์