ปัสกาคือการก้าวผ่านจากความตายไปสู่ชีวิต เราร่วมระลึกถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์สิ้นพระชนม์และได้เสด็จกลับคืนชีพ บรรดาอัครสาวกไม่ได้เห็นตัวตนของพระองค์ตลอดเวลา แต่พระองค์ยังคงอยู่กับพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขาแน่ใจและเชื่อมั่นในการกลับคืนชีพ การมีชีวิตหลังจากความตายเป็นความจริงที่ปรากฏ บรรดาสาวกและผู้คนมากมายอยู่ในเหตุการณ์และได้เห็นการตรึงกางเขน จนกระทั่งการสิ้นพระชนม์ การนำร่างของพระเยซูไปฝังไว้ในคูหา มีการวางแผนจัดยามเฝ้าเพื่อแน่ใจว่าจะไม่มีการขโมยศพ แต่ว่าเมื่อถึงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ มีบางคนไปที่คูหา และความจริงต่อหน้าก็คือไม่มีร่างของพระเยซูอยู่ที่นั่น พระเยซูก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงปรากฏพระองค์ให้บรรดาศิษย์ในรูปแบบที่พวกเขาสัมผัสได้ พูดคุยกัน ทานอาหารร่วมกัน เพื่อยืนยันว่าเป็นพระเยซูเจ้าองค์เดิมที่พวกเขาได้เคยรู้จัก ที่ถูกทรมานและสิ้นพระชนม์ บัดนี้ พระองค์ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีก ชีวิตของพระองค์ต่างจากเดิม มีร่างกายสัมผัสได้ก็จริง แต่เป็นกายทิพย์ที่มองไม่เห็น อยู่เหนือสถานที่และเวลา ทรงปรากฏพระองค์ขณะที่ห้องปิดอยู่ แสดงตัวตนให้สาวกได้เห็นแล้วก็หายไปต่อหน้าต่อตา
ไม่ใช่แค่สาวกใกล้ชิดที่เป็นพยานในเรื่องนี้ มีศิษย์ที่ติดตามพระเยซูอีก 2 คนจากเอมมาอูส เขากำลังเดินทางกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง ขณะเดินทางอยู่นั้น ก็พบกับเพื่อนร่วมทางคนแปลกหน้าที่เข้ามาทักทาย เมื่อเห็นทั้งสองคนดูท่าทางเศร้าโศก ศิษย์ทั้งสองจึงได้บอกเล่าถึงเรื่องราวการตายของพระเยซู และชายคนนั้นก็ได้พูดคุยกันถึงเหตุการณ์รวมถึงได้อธิบายเรื่องราวในพระคัมภีร์ให้ศิษย์ได้เข้าใจ เมื่อทั้งสองมาถึงจุดหมาย ได้ชวนชายแปลกหน้าแวะพักและร่วมทานอาหารที่บ้านของตน ขณะที่กำลังทานอาหาร ชายผู้นั้นได้หยิบขนมปัง บิออกและส่งให้เขาทั้งสอง ในเวลานั้นเองที่เขาทั้งสองจำได้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า แต่พระองค์ก็หายไปจากการมองเห็น ประสบการณ์ตรงที่ศิษย์ทั้งสองได้สัมผัสกับพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ ทำให้เขากลับมีความยินดี ความทุกข์โศกเศร้า ความผิดหวังและความเหน็ดเหนื่อยหมดไป ทั้งสองออกเดินทางกลับไปเยรูซาเล็มเพื่อจะเล่าเรื่องราวความยินดีให้กับบรรดาอัครสาวกฟัง
เราได้รับทราบเรื่องราวจากบุคคลที่มีความเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ โทมัสก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนยันว่าตนเองไม่เชื่อ หากไม่ได้เห็นและสัมผัสรอยแผลที่มือของพระเยซู ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่พวกสาวกอยู่ด้วยกันตามลำพัง พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาพบพวกเขา ได้ไปพบโทมัส บอกให้เขาพิสูจน์เพื่อจะคลายสงสัยและมีความเชื่อ เขาได้พิสูจน์และยอมรับว่าพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าไม่สามารถให้ทุกคนพิสูจน์ด้วยการสัมผัส แต่ทรงบอกว่า เป็นบุญของผู้ที่มีความเชื่อ แม้จะไม่ได้เห็นไม่ได้สัมผัส พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญกับความเชื่อ พระองค์ทรงต้องการให้เราทุกคนเกิดความเชื่อมั่นในเรื่องนี้
ความเชื่อในพระเยซูผู้กลับคืนชีพทำให้ชีวิตศิษย์ 2 คนที่เอมมาอูสเปลี่ยนแปลง กลับเป็นความชื่นชม ความสุขในชีวิต ตั้งแต่วันอาทิตย์ปัสกา เมื่อเราได้รับของแจกเป็นไข่ปัสกา ให้ความหมายว่าเราจะมีชีวิตใหม่ เราได้เห็นบรรดาสาวกมีความเชื่อในพระเยซู บรรดาชาวยิว พวกเขามีความเชื่อ ที่ทำให้เปลี่ยนแปลงความคิดและการดำเนินชีวิต “ทุกๆวัน เขาพร้อมใจกันไปที่พระวิหารและไปตามบ้านเพื่อทำพิธีบิขนมปัง ร่วมกินอาหารด้วยความยินดี และเข้าใจกัน สรรเสริญพระเจ้า” ขอให้พี่น้องทุกคนได้รับการดลใจและพลังจากพระเยซูเจ้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงและมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์ด้วย
สวัสดี…พ่อเจ้าอาวาส