บทอ่านจากบทเทศน์ โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
เครื่องบูชาที่จะถวายแด่พระเจ้า คือจิตใจที่เป็นทุกข์ตรมตรอม
กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายอมรับในความผิดของข้าพเจ้า” ถ้าเรายอมรับผิดพระองค์ก็จะอภัยให้ อย่าได้ถือว่าถ้าเราเจริญชีวิตดี เราก็จะไม่มีบาป ชีวิตของเราจะได้รับคำชมเชยก็ต่อเมื่อเราวอนขออภัยเรื่อยไป เมื่อมนุษย์เพ่งเล็งเห็นบาปของตนเองน้อยเท่าไร เขาก็ยิ่งสนใจในบาปของคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามุ่งจะวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่มุ่งแก้ไข พวกเขาไม่สามารถจะแก้ตัวได้ แต่พวกเขาพร้อมที่จะกล่าวโทษผู้อื่น นี่มิใช่วิถีทางที่ดาวิดสอนเราว่า ต้องขอขมาโทษพระเจ้าอย่างไร ในเมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายอมรับความผิดของข้าพเจ้า และบาปของข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ” ท่านมิได้เพ่งเล็งบาปของผู้อื่น ท่านหันมาสนใจบาปของตนเอง ท่านมิได้โจมตีแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่ท่านมองลึกเข้าไปภายในตนเอง ท่านมิได้ถนอมตนเอง ฉะนั้น ท่านจึงไม่กล้าที่จะขอให้ได้รับการทนุถนอม
ท่านอยากระงับพระพิโรธของพระเจ้าหรือ? จงเรียนรู้ว่าท่านต้องทำอย่างไร เพื่อให้พระเป็นเจ้าพอพระทัยในท่าน ท่านจงพิจารณาเพลงสดุดีที่ว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัยในเครื่องสักการบูชา ข้าพเจ้าก็คงจะได้ถวายแด่พระองค์แล้ว แต่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย ในเครื่องเผาบูชา” ท่านจึงไม่ต้องมีสักการบูชากระนั้นหรือ? ท่านไม่ต้องถวายอะไรเลยหรือ? ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้หรือ ถ้าไม่มีเครื่องบูชา? จงระลึกถึงวาจาที่ท่านได้อ่าน ในเพลงสดุดีบทเดียวกันนั้น “ถ้าพระองค์พอพระทัยในเครื่องสักการบูชา ข้าพเจ้าก็คงจะได้ถวายแด่พระองค์แล้ว แต่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชา” จงฟังต่อไปและกล่าวพร้อมกับกษัตริย์ดาวิดว่า “เครื่องบูชาที่จะถวายแด่พระเจ้านั้นคือ จิตใจที่เป็นทุกข์ตรมตรอม พระเจ้ามิทรงดูแคลนดวงใจสุภาพ และเป็นทุกข์ตรมตรอม” จงล้มเลิกเครื่องบูชาแต่เก่าก่อนของท่านเสีย เพราะบัดนี้ ท่านทราบแล้วว่าท่านควรถวายอะไร ถ้าเป็นในสมัยบรรพบุรุษของท่าน ท่านก็คงได้ถวายสัตวบูชา “ถ้าพระองค์พอพระทัยในเครื่องสักการบูชา ข้าพเจ้าก็คงจะได้ถวายแด่พระองค์แล้ว” พระเจ้าข้า พระองค์ไม่ทรงประสงค์สิ่งเหล่านี้ แต่พระองค์ก็ยังทรงประสงค์เครื่องบูชา
กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “พระองค์จะไม่พอพระทัยในเครื่องเผาบูชา” ถ้าพระองค์ไม่พอพระทัยในเครื่องเผาบูชา ก็จะไม่มีการบูชาถวายพระองค์เลยหรือ? หามิได้ “เครื่องบูชาที่จะถวายพระเจ้าได้คือ จิตใจเป็นทุกข์ตรมตรอม พระเจ้ามิทรงดูแคลนดวงใจสุภาพและเป็นทุกข์ตรมตรอม”
บัดนี้ ท่านมีเครื่องบูชาถวายแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจฝูงสัตว์ ไม่จำเป็นต้องเตรียมเรือ เดินทางไปดินแดนไกลเพื่อหากำยาน สิ่งที่พอพระทัยพระเจ้านั้น จงเอามาจากในใจของท่านเอง ใจของท่านต้องแตกสลาย ท่านกลัวหรือว่ามันจะสลายไปเช่นนั้นจริงๆ? ท่านมีคำตอบอยู่แล้ว “พระเจ้าข้า โปรดสร้างใจบริสุทธิ์ให้ข้าพเจ้า เหตุว่า ใจบริสุทธิ์จะต้องถูกสร้างขึ้นมา และใจไม่บริสุทธิ์ต้องสลายไป
เราจะต้องไม่พอใจตนเอง เมื่อเราทำบาป เพราะบาปทำเคืองพระทัยพระเป็นเจ้า แม้ว่าเราเป็นเพียงคนบาป อย่างน้อยให้เราเหมือนพระเป็นเจ้าในเรื่องนี้ คือเราไม่พอใจในสิ่งที่เคืองพระทัยพระองค์ ในทำนองเดียวกัน เราจะสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระ เพราะท่านเองก็ไม่พอใจในสิ่งที่พระผู้สร้างทรงรังเกียจข้อสังเกตที่ชวนคิดสำหรับท่านนักบุญอัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้…
มองย้อนมาที่เรา เรามีแอกที่เราเลือกที่จะแบกเองอะไรบ้าง พ่อขอยกมาสักสามแนวทางให้เราสำรวจจิตใจเรา…
- การเผชิญกับความล้มเหลวหรือความล้าเนื่องจากความสำเร็จที่ไม่ตรงตามคาดหวังไว้: เมื่อเราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อบรรลุเป้าหมายหรือความสำเร็จในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ผลที่ต้องการหรือเกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อาจทำให้เรารู้สึกหมดกำลังใจและหดหู่ โดยรู้สึกว่าไม่มีความสำเร็จเป็นแอกที่หนักกาย
- ความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ: การทำงานหนักหรือประสบกับสถานการณ์ที่ต้องใช้ความพยายามมากๆ เช่น เรียนหนักหรือทำงานที่มีความเคร่งครัด อาจทำให้เรารู้สึกหมดกำลังใจและหดหู่ เนื่องจากความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและจิตใจที่สะสมมากเกินไปจนเป็นแอกที่หนักใจ
- การเผชิญกับความสูญเสียหรือความเสียหายทางคนในชีวิต: เมื่อเราเสียคนที่เรารักหรือเผชิญกับความเสียหายทางอารมณ์ เช่น การเสียงาน การเสียงความมั่นคง หรือความล้มเหลวในความสัมพันธ์ อาจทำให้เรารู้สึกหมดกำลังใจและหดหู่ เป็นแอกที่หนักกายหนักใจหนักจนกระทั่งคุณค่าของตนเองยังหลงลืมจนแบกไม่ไหว
พระเยซูเจ้าทรงให้กำลังใจเราเป็นพิเศษในวันนี้
“ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยแบบกภาระหนักจงมาพบเรา…เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” ดังนั้นในกรณีที่เรารู้สึกหมดกำลังใจและหดหู่ ขอให้เรานึกถึงพระวาจาตอนนี้ เพื่อช่วยให้คืนความกล้าหาญและใจกล้าหาญของเราไม่ได้หยุดที่ปัญหา แต่เป็นไปต่อที่ทางใฝ่ผัน โดยการ… - พูดคุยกับคนที่เป็นกำลังใจ: กำลังใจจากพระผ่านทางการอ่านพระวาจา ฟังพระวาจาและกำลังใจจากเพื่อนพี่น้อง อย่าลืมค้นหาคนในชีวิตของเรา…ครอบครัว เพื่อน ที่สนับสนุนและเข้าใจเรา พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับความหมดกำลังใจของเรา เกี่ยวกับประสบการณ์หรืออาการที่เรากำลังเผชิญอยู่ การแบ่งปันสามารถช่วยให้เรารับการสนับสนุนและแรงบันดาลใจจากคนรอบข้าง
2.ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ และรางวัลที่สดใส: ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และที่สามารถบรรลุได้ในระดับที่ง่ายต่อการทำ อย่างที่เล็กน้อยก็ได้ เช่น ตื่นมาฉันจะสวด เจอหน้าคนแรกของวันฉันจะส่งยิ้มและอวยพรเขา ฯลฯ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและของรางวัลที่มีค่าอาจช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจในการดำเนินต่อไป - สุดท้ายลองพักผ่อนและดูแลร่างกายและจิตใจ: การนอน การอาบน้ำ ชำระกาย เติมพลังบวกด้วยการอ่านหนังสือ หรือหนังสือศรัทธา และสุดท้ายอย่าลืมแก้บาปรับศีลเพื่อชำระใจ และเติมพลังใจ
เมื่อปัญหาอยู่ตรงหน้า เราคงรู้สึกหนักยากก้าวข้าม ลองมองข้ามย้อนเวลามีหลายปัญหาที่พัดมาเราผ่านมาได้เพราะมีพระหัตถ์ของพระคอยโอบอุ้มเราไม่รู้ตัว ครั้งนี้ก็เช่นกัน.