ศาสนา สังคม และการเมืองเป็นองค์ประกอบที่มีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเสมอ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงที่มีการยุบสภา การกำหนดวันเลือกตั้งและวันเลือกตั้ง ส.ส. รวมทั้งขบวนการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไป เกิดขึ้นและเป็นความจริงที่เราทุกคนต้องรับรู้ จะยอมรับไม่ยอมรับ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ก็คือความเป็นจริงที่เป็นอยู่ซึ่งเราทุกคนจะต้องปรับเปลี่ยนและดำรงชีวิตอยู่ต่อไป แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะมีความคิดไปเองว่าทำไมมันจึงวุ่นวายและหาข้อสรุปได้ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า การเป็นคนไทยของเรายังมีความโชคดีมากกว่าอีกหลายๆ ประเทศในโลกที่เมื่อมีความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองมักจะนำสู่ความรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของคนในสังคม
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการสัมมนาของบรรดาพระสงฆ์ในเขตปกครองภาคของกรุงเทพฯ ประเทศไทยมี 11 สังฆมณฑล แบ่งออกเป็น 2 ภาค ที่เรียกเขตปกครองภาคของกรุงเทพฯ ก็จะมี 7 สังฆมณฑลรวมอยู่ด้วยกัน ส่วนสังฆมณฑลทางภาคอีสาน ได้แก่ นครนครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ก็จะอยู่ในเขตปกครองภาคอัครสังฆมณฑลท่าแร่ หนองแสง ปีนี้เป็นการสัมมนาจัดแยกเฉพาะเขตของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ในระหว่างการสัมมนาได้มีหัวข้อพูดถึงเรื่องครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่พระศาสนจักรให้ความสนใจ ถือว่าครอบครัวว่าเป็นพระศาสนจักรหน่วยที่เล็กที่สุด และยังเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดด้วย เป็นที่กำเนิดของชีวิต การอบรมเลี้ยงดูลูกหลาน การให้การศึกษา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การแต่งงานจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญ ได้มีการพยายามจัดอบรมเตรียมเข้าสู่การแต่งงานให้มีช่วงเวลายาวขึ้น ที่เป็นอยู่มีการอบรม 2 ครั้งต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่วางแผนเตรียมตัวเข้าสู่การแต่งงาน อยากให้มีเวลายาวนานพอสมควร เพื่อเรียนรู้และเตรียมพร้อมในการสร้างครอบครัวใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ที่คนสองคนจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ด้วยกันกับผู้ที่เป็นคู่ชีวิต รวมทั้งลูกๆ ที่จะเกิดมาซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่จะต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่
ในระหว่างการสัมมนา ยังได้มีการนำเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของคนทั่วไป มีข้อมูลที่น่าสนใจก็คือคนในสมัยนี้ไม่อยากมีลูก หรือมีน้อย แนวโน้มของครอบครัวของคนยุคใหม่ บางคนไม่ต้องการมีลูกหรือมีเพียงคนเดียว มีเหตุผลก็คือกลัวว่าชีวิตของตนเองจะไม่มีอิสระ มีเวลาเพื่อตัวเองน้อยลง เป็นวิธีคิดและแนวโน้มที่มีมากขึ้นของคนในสังคมสมัยนี้ ครอบครัวและการให้กำเนิดเป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ของพระเจ้า มองย้อนดูในอดีตครอบครัวที่มีลูกหลานหลายคน แม้ว่าในช่วงเวลานั้นพ่อแม่เลี้ยงดูลูกๆด้วยความยากลำบาก แต่พอเวลาผ่านไป ครอบครัวที่มีลูกหลานดูเหมือนจะมีความสุขในชีวิตมากกว่าครอบครัวที่มีลูกน้อย บางคนที่กลัวความลำบาก กลัวการเลี้ยงดูลูก พออายุมากหรือเข้าสู่วัยสูงอายุ ก็ไม่มีลูกหลานดูแลและก็ดูเหมือนจะพบกับความโดดเดี่ยว เหงา เพราะต้องอยู่ตามลำพังกับคู่ชีวิต สภาพเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นและมีมากขึ้นด้วย
นอกจากนั้นยังมีหัวข้อคิดเกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราชัดเจน ภาวะโลกร้อน การทำลายชั้นบรรยากาศ ได้ส่งผลกระทบถึงวิถีความเป็นอยู่ของเรา อากาศร้อนขึ้น ฝนตกน้อยลง วิกฤตผันแปรของสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และช่วยกันไม่ทำลายสภาพแวดล้อมต่างๆไปมากกว่านี้
พระวรสารวันอาทิตย์นี้ พระเยซูเจ้าสอนเรื่องผู้หว่าน เมล็ดพืชที่ผู้หว่านนำไปหว่านบนพื้นดิน เมล็ดบางส่วนตกลงในที่ดินดี สภาพแวดล้อมดี ก็จะงอกและเติบโตขึ้นเป็นลำต้น ที่สุดก็เกิดผล แต่มีเมล็ดอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้งอก มีทั้งที่นกจิกกินและส่วนถูกเหยียบย่ำจมดิน เมื่อฟังเรื่องนี้ ขอให้เราคิดถึงต้นไม้ที่ให้ผล พระเจ้าได้ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งความดี ลงในชีวิตของพี่น้องทุกคน เป็นเมล็ดพันธุ์ที่มันจะงอกและเติบโตขึ้นเมื่อถึงเวลา เมล็ดที่งอกก็จะเติบโตให้ผลผลิตทวีคูณเป็นหลายสิบเท่า หรือเป็นร้อยเท่า คำสอนของพระเยซูเจ้าที่เปรียบเทียบเรื่องเมล็ดพืช เป็นเรื่องที่พระเจ้าสอนเราทุกคน พยายามเต็มที่เพื่อทำให้ความดีงามของชีวิตที่พระเจ้าหว่านไว้ในชีวิต ในจิตใจของพี่น้อง จะได้เติบโต เกิดผล ให้ผลที่เป็นความดีงาม ความสุข ความสงบ ชื่นบาน รอวันที่พระเจ้าจะมาเก็บเกี่ยวผลผลิตเหล่านั้น.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์