พระวาจาของพระเจ้าจากพระวรสารในสัปดาห์นี้เป็นเรื่องราวต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนักบุญมัทธิวได้บันทึกไว้ สัปดาห์ที่แล้วเป็นคำสอนของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเรื่องอาณาจักรสวรรค์สอนด้วยคำอุปมาเรื่องผู้หว่าน อาณาจักรของพระเจ้าเปรียบเหมือนเมล็ดพืชและพื้นดิน เมล็ดพืชคือพระวาจาของพระเจ้า ส่วนพื้นดินก็คือจิตใจของมนุษย์ทุกคน ซึ่งมีสภาพแตกต่างกัน ผู้หว่านได้หว่านพืชลงไปยังพื้นดิน หากสภาพของดินมีความพร้อม เมล็ดพืชก็จะสามารถงอกเติบโตเป็นลำต้นและเกิดผล หากพื้นดินบริเวณนั้นมีสภาพไม่เหมาะสม เมล็ดพืชนั้นก็ไม่สามารถที่จะเติบโตจนกระทั่งให้ผลผลิตได้ อุปมาเรื่องนี้ต้องการให้บทสอนสำหรับเราทุกคน ให้พิจารณาดูว่าชีวิตของเราเป็นพื้นดินประเภทใด
อาณาจักรสวรรค์ที่พระเยซูเจ้าพูดถึงไม่ได้หมายถึงสถานที่ บางทีความเข้าใจของเราก็มักจะจินตนาการไปตามคำศัพท์ว่า เป็นสถานที่แห่งความสุข อาจจะคิดไปว่าสวรรค์อยู่บนท้องฟ้า เมื่อพระเยซูเจ้าสอนเรื่องนี้ อาณาจักรสวรรค์จะเกิดขึ้นได้ต้องมีความร่วมมือจากมนุษย์ เมล็ดพืชหรือพระวาจาของพระเจ้าไม่สามารถเกิดและเติบโตจากอากาศ แต่ต้องมีพื้นดินและเป็นดินดีด้วยพระเยซูเจ้าจำแนกดินเป็นลักษณะต่างๆ ทรงรู้ดีว่าเมล็ดพันธุ์ไม่ได้เกิดผลทุกเมล็ด เหตุผลสภาพดินเวลานั้นมีสภาพไม่เหมาะสม หากต้องการให้เมล็ดพันธุ์งอกและเกิดผลผลิตจำเป็นต้องปรับสภาพพื้นดิน พระเยซูเจ้าได้อธิบายความหมายของอุปมาเรื่องนี้ให้กับบรรดาศิษย์ได้เข้าใจ
เราแต่ละคนล้วนเป็นส่วนสำคัญในอาณาจักรของพระเจ้า ทุกคนเปรียบเป็นพื้นดินที่เจ้าของสวนได้หว่านเมล็ดพืช เมล็ดนั้นค่อยๆ เติบโตจนกระทั่งถึงวันที่จะผลิดอกและเกิดผล ชาวสวนทุกคนอยากให้เป็นเช่นนี้ อุปมาเรื่องผู้หว่านทำให้เกิดความคิดว่าเราจะต้องพยายามให้ตัวเองเป็นพื้นดินดีเพื่อจะเกิดผลมากมาย
แต่ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เข้าใจความจริงว่าชีวิตไม่ได้สวยงามและราบเรียบเสมอ ด้วยคำอุปมาเรื่องข้าวละมาน คราวนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากดินไม่ดี แต่มีสาเหตุจากภายนอก พื้นที่นาได้ถูกเตรียมอย่างดี เมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีก็เป็นพันธุ์ดี เจ้าของได้หว่านลงในที่นาและเฝ้าดูการเติบโตด้วยความคาดหวังว่าจะเกิดผลผลิตมากมาย แต่ก็มีผู้ประสงค์ร้าย แอบนำพันธุ์ข้าวละมานมาหว่านทับลงไปในที่นานั้น มีคนไปรายงานให้เจ้าของที่นาได้ทราบว่ามีศัตรูแอบหว่านเมล็ดข้าวละมาน ซึ่งเจ้าของนาทำได้แต่เพียงบอกให้รอจนถึงวันที่จะเก็บเกี่ยว ในเวลานั้นก็จะแยกเก็บเกี่ยวข้าวละมานออกไปก่อน เพื่อนำไปรวมกองและเผาไฟทิ้ง ส่วนข้าวพันธุ์ดีก็จะแยกเก็บรวบรวมไว้ในยุ้งฉางต่อไป
พระเยซูเจ้าทรงมีประสบการณ์ชีวิตร่วมกับผู้คนร่วมสมัย มีทั้งผู้นำศาสนาที่มีความคิดเห็นและคำสอนที่แตกต่างไป มีเพื่อนๆ และศิษย์จากหลายอาชีพที่ติดตามพระองค์ มีผู้คนที่มีความทุกข์ยากลำบากในชีวิตที่มาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ มีคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรู มีบางคนอิจฉาและประสงค์ร้ายต่อพระองค์ พระองค์ทรงเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นและดำเนินชีวิตอย่างสงบกับผู้คนเหล่านั้น
สิ่งที่เราเรียนรู้ก็คือมีข้าวละมานขึ้นปะปนอยู่ในท้องทุ่งข้าวพันธุ์ดี มารร้ายได้หว่านเมล็ดพันธุ์ไม่ดีลงในทุ่งนาชีวิตและจิตใจของเราทุกคน เราจึงยังต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่ดีอยู่บ้าง พระเจ้าทรงเป็นผู้นำเมล็ดแห่งความดีงามปลูกลงในชีวิตก่อนแล้ว คือความเชื่อและพระพรต่างๆ ของพระเจ้าพระองค์ทรงดูแลเอาใจใส่ เพื่อวันที่เกิดผล ส่วนที่เป็นข้าวละมานซึ่งเป็นผลจากความไม่ดี เป็นความผิดหากมีอยู่ก็จะถูกทำลาย พระเยซูเจ้าสอนเรื่องนี้เพื่อให้เราได้เข้าใจ พยายามระมัดระวังตัวกับสิ่งต่างๆภายนอกที่อาจจะชักนำพาให้ผิดหลง
วันอาทิตย์นี้ ยังเป็นวันสากลเพื่อปู่ย่าตายายและผู้อาวุโส การกำหนดให้มีวันฉลองนี้ ต้องการให้เราทุกคนได้ให้ความเอาใจใส่พวกท่าน การดูแลปู่ย่าตายายและผู้อาวุโส มิใช่หน้าที่แห่งความกตัญญูและความเคารพรักเท่านั้น แต่เป็นความจำเป็นเพื่อสร้างสังคมมนุษย์และสร้างความรักฉันพี่น้องมากขึ้น พระสันตะปาปาฟรังซิส เชิญชวนเราให้ตระหนักถึงคุณค่าของพวกเขาที่ถ่ายทอดความเชื่อและความหวังแก่เยาวชนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ทำปีละครั้ง แต่ทำแบบถาวร ให้พวกเขารู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวคริสตชน
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์