บทอ่านจากบทเทศน์เรื่องบุญลาภ โดยนักบุญเลโอ ผู้ยิ่งใหญ่ พระสันตะปาปา
ปรีชาญาณของคริสตชน
พระเจ้าตรัสว่า “เป็นบุญของผู้ที่หิวกระหายความยุติธรรม เพราะเขาจะอิ่มหนำ” ความหิวนี้ไม่ใช่หิวอาหารทางร่างกาย และความกระหายก็ไม่ใช่กระหายเครื่องดื่มฝ่ายโลก แต่เป็นความปรารถนาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความยุติธรรม และซาบซึ้งในธรรมล้ำลึกทั้งหมด เพื่อจะได้เต็มเปี่ยมด้วยพระเจ้าเอง
วิญญาณที่ปรารถนาและกระหายความยุติธรรมก็มีความสุข วิญญาณคงไม่แสวงหาสิ่งนี้ ถ้ายังไม่เคยได้ลิ้มรสความสุขนี้มาก่อน เมื่อวิญญาณได้ยินเสียงของพระจิตเจ้าตรัส โดยทางประกาศกว่า “จงลิ้มชิมและดูว่า พระเจ้านั้นประเสริฐสักเพียงไร” วิญญาณก็ได้รับความดีส่วนหนึ่งของพระเจ้าแล้ว และกำลังลุกไหม้ด้วยไฟแห่งความรัก ความรักที่ให้ความยินดีและบริสุทธิ์ที่สุด วิญญาณเมื่อได้ละทิ้งทุกอย่างของโลกนี้แล้ว กระตือรือร้นแต่อย่างเดียวที่จะกินและดื่มความยุติธรรม วิญญาณเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงความหมายของพระบัญญัติประการแรกและสำคัญที่สุดที่ว่า “ท่านจงรักพระเจ้าของท่านด้วยสิ้นสุดจิตใจ และสิ้นสุดสติกำลัง” เพราะความรักพระเจ้าไม่ใช่อะไรอื่น เป็นความรักความยุติธรรมนั่นเอง
ที่สุด ความรักต่อพี่น้องสืบเนื่องมาจากความรักต่อพระเป็นเจ้าฉันใด คุณธรรมแห่งความเมตตากรุณา ก็สืบเนื่องมาจากความรักต่อพระเป็นเจ้าฉันนั้น ตามที่มีกล่าวว่า “เป็นบุญที่ท่านมีใจเมตตากรุณา เพราะพระเป็นเจ้าจะทรงเมตตากรุณาต่อท่านเช่นกัน”
คริสตชนจงรู้เถิดว่า ปรีชาญาณของท่านมีคุณค่าสูงส่งมากเพียงไร จงระลึกถึงโรงเรียนชั้นยอดเยี่ยมที่ท่านต้องฝึกฝนวิชาความรู้ของท่าน จงระลึกถึงบำเหน็จรางวัลที่ท่านได้ถูกเรียกมารับ ความเมตตากรุณาปรารถนาให้ท่านเป็นคนเมตตากรุณา ความยุติธรรมปรารถนาให้ท่านเป็นคนยุติธรรม จนว่าพระผู้สร้างสามารถฉายรังสีในสิ่งสร้างของพระองค์ และภาพลักษณ์ของพระเจ้าจะส่องแสงสะท้อนในดวงใจของมนุษย์ดังในกระจกเงา ตามส่วนสัดที่มนุษย์ถือตามแบบอย่างคุณสมบัติของพระองค์ ความเชื่อของผู้เจริญชีวิตด้วยความเชื่อ เป็นความเชื่อที่สงบราบรื่น สิ่งที่ท่านปรารถนาท่านจะได้รับ สิ่งที่ท่านรักจะเป็นของท่านตลอดกาล
อาศัยการให้ทาน ทุกสิ่งจะบริสุทธิ์สำหรับท่าน ท่านจะได้รับพระพรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ดังนี้ “เป็นบุญของผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ เพราะเขาจะได้เห็นพระเป็นเจ้า” พี่น้องที่รัก ความสุขที่พระเจ้าทรงเตรียมให้นั้นล้ำเลิศแท้จริง ใครจะมีหัวใจบริสุทธิ์ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่พยายามบรรลุถึงคุณธรรมที่กล่าวมาแล้ว? จิตใจไหนหนอจะสามารถวาดภาพได้ ถ้อยคำใดจะสามารถบรรยายความสุขยิ่งใหญ่ในการเห็นพระเจ้า? อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติมนุษย์จะบรรลุความสำเร็จทั้งนี้ ในเมื่อได้เปลี่ยนแปลง “เขาจะได้เห็นพระเป็นเจ้าไม่ใช่ดังในกระจก หรืออย่างคลุมเครือ แต่จะเห็นพระองค์หน้าต่อหน้า พระเป็นเจ้าซึ่งไม่มีใครสามารถเห็นได้ ในความบรมสุขของพระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร์นี้ ธรรมชาติมนุษย์จะได้เห็น “สิ่งที่ตาไม่เคยได้เห็น หูไม่เคยได้ยิน และหัวใจไม่เคยนึกฝัน”…
“จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” เป็นประโยคสั้นๆ ที่ดูเหมือนปฏิบัติง่าย แต่บ่อยครั้งก็ไม่ง่ายเลย หากคนที่เราต้องปฏิบัติด้วยนั้นเป็นคนที่เรา “ไม่ชอบ หรือ ไม่อยากรัก” พี่น้องว่าจริงไหม?
แล้วเราจะรักเพื่อนมนุษย์ของเราเหมือนกับที่เรารักตัวเองได้อย่างไร?
เรามาไตร่ตรอง สำหรับองค์พระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงรักตัวเองอย่างไร?
– ทรงใช้เวลา 30 ปี อยู่กับครอบครัว รับความรัก เรียนรู้การแสดงความรัก ความเรียบง่ายของชีวิตจากบิดาชายผู้เป็นช่างไม้ เงียบๆ สุขุม รอบคอบ ปกป้องดูแลครอบครัว เรียนรู้ความรักจากมารดาผู้มีใจอ่อนโยน พูดน้อย อดทน รอคอย และคอยติดตามเคียงข้างอย่างเงียบๆ อยู่ไม่ห่าง
– ทรงรัก และเคารพนับถือตนเอง ฟังเสียงพระจิตภายในจิตวิญญาณของตน รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ต้องทำอะไร มีเป้าหมายชีวิตอย่างไร
– ให้เวลาตัวเองเพื่อเพิ่มพลังชีวิตวิญญาณให้หนักแน่น เข้มแข็ง ด้วยการติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้เป็นแหล่งพลัง และที่มาของชีวิตอยู่เสมอ
เมื่อคนเราที่มีความรักภายใน ก็จะแสดงออกซึ่งความรักสู่ภายนอกให้กับทั้งผู้คนรอบข้าง และสรรพสิ่งรอบตัว พระเยซูเจ้าทรงรักผู้อื่นอย่างไร?
– ทรงรับความรักจากครอบครัว และเพราะความรักที่ได้รับมานั้น พระองค์จึงทรงมีวิธีแสดงออกต่อผู้คนและสรรพสิ่ง ใช้ชีวิตเงียบๆ สุขุม รอบคอบ ปกป้องดูแลชีวิตของผู้อื่นเหมือนบิดา มีจิตใจอ่อนโยน พูดน้อย อดทน รอคอย ติดตาม เคียงข้างผู้อื่นอยู่เสมอเหมือนมารดา
– และเพราะทรงรัก เคารพนับถือตนเอง และฟังเสียงพระจิตภายในจิตวิญญาณของพระองค์เอง พระองค์จึงทรงรักและเคารพต่อพระจิตเจ้าในชีวิตของพี่น้องรอบข้าง แม้กระทั่งอิสรภาพและน้ำใจของแต่ละคน แม้แต่แกะ 1 ตัว ที่หลงทาง ก็ทรงออกตามหา แบกขึ้นบ่า ปลอบโยนไว้แนบพระอุระ ให้อภัยและให้โอกาสเพื่อเริ่มต้นใหม่
– ทรงรู้ว่า เหนือสิ่งอื่นใดพลังแห่งความรักที่พระองค์ได้รับมานอกจากครอบครัวแล้ว ยังมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดี ทรงภาวนา ติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้เป็นแหล่งพลัง และที่มาของชีวิตอยู่เสมอ จึงทรงมีพลกำลังมากพอจะส่งต่อความรักที่ได้รับมาไปยังผู้อื่น
วันนี้พระเยซูเจ้าทรงสอนเรา “จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” หากวันนี้ เราไม่รู้ว่าจะแสดงความรักกับเพื่อนมนุษย์อย่างไร
– จงเริ่มจากการ “รัก เคารพ นับถือตนเอง” ก่อน
– หากมันยากเหลือเกิน ที่จะรักตัวเอง ก็ให้เริ่มจากการแสดงออกในความดีงาม เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน แก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นพี่น้องเพื่อนมนุษย์ หรือแม้แต่สรรพสิ่งที่อยู่รอบข้างเรา ความดีงามที่เราให้ออกไป จำนำความสุขใจให้แก่เรา และนั่นเอง ทีละเล็กทีละน้อย เราก็จะสามารถรักตัวเองให้มากเช่นเดียวกัน
– ความรักต่อตนเอง และ ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ จึงเป็นเรื่องเดียวกันอันนำมาซึ่งความรอดพ้นทางจิตวิญญาณ
– จงลงมือทำเถิด จะให้ตัวเองก่อน หรือ ให้พี่น้องก่อนก็ได้ เพราะสุดท้าย ความรักจะนำมาซึ่งความรอดพ้นให้กับจิตวิญญาณของชีวิตเรา
ขอพระเจ้าอวยพระพร…