วันอาทิตย์หน้าจะเป็นวันแพร่ธรรมสากล พระศาสนจักรกำหนดไว้ให้วันอาทิตย์สัปดาห์รองสุดท้ายของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันแพร่ธรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนบรรดาคริสตชนให้คิดถึงงานแพร่ธรรม หากคิดถึงชีวิตของพระเยซูเจ้าเหตุการณ์ตอนสุดท้ายของชีวิตพระเยซูที่บันทึกไว้ในหนังสือพระวรสารก่อนที่พระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์อยู่กับบรรดาศิษย์และได้มอบหมายให้พวกเขาทำภารกิจต่อไป คือการออกไปทั่วโลก ประกาศสอนความเชื่อในเรื่องพระเจ้าถ่ายทอดความเชื่อไปยังผู้คนทั้งหลาย และเมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีความเชื่อ ก็โปรดศีลล้างบาป เพื่อเข้ามาร่วมอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า การประกาศเรื่องราวของพระเยซูเจ้า หรือการแพร่ธรรมเป็นธรรมชาติของการเป็นคริสตชน เมื่อมีความเชื่อในพระเจ้าแล้ว เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องส่งต่อความเชื่อนั้นไปยังผู้คนทั้งหลายต่อไป
เรามักจะคิดว่าการประกาศสอนเรื่องราวของพระเจ้า เป็นงานเฉพาะของบรรดาผู้ที่เป็นพระสงฆ์และนักบวช คนที่เป็นฆราวาสไม่ต้องมีส่วนช่วยเหลือหรือมีหน้าที่ในการแพร่ธรรม แต่การเป็นคริสตชนฆราวาส ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตนตามความเชื่อ การเป็นคนดีการเป็นแบบอย่างดีแก่กันและกัน ซึ่งเป็นวิธีการแพร่ธรรมที่มีคุณค่าอย่างมาก ซึ่งเริ่มจากการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละคน
วันอาทิตย์แพร่ธรรมปีนี้ พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ทรงนำเหตุการณ์ในพระวรสาร ขณะที่ศิษย์ 2 คนกำลังเดินทางกลับไปบ้านที่เอมมาอูส ระหว่างทางเขาได้พบชายแปลกหน้าที่เข้ามาร่วมทางสนทนากัน ซึ่งชายคนนั้นก็คือพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ ระหว่างทางเขาทั้งสองคนไม่มีความฉงนใจเลย จนกระทั่งเย็นวันนั้น เมื่อได้ร่วมทานอาหารด้วยกันและชายแปลกหน้าได้บิขนมปังส่งให้ เขาทั้งสองจึงจำได้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า ในเวลานั้นเองพระองค์ก็อันตรธานจากพวกเขาไป ทันทีหลังจากนั้น เขาสองคนซึ่งมีความยินดี ได้ตัดสินใจเดินกลับไปพบบรรดาสาวก เพื่อเล่าประสบการณ์ที่เขาได้พบกับพระเยซูเจ้า “ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป” เหตุการณ์ของศิษย์ทั้งสองคนยังคงเกิดขึ้นในชีวิตของพี่น้องเสมอ ทุกครั้งที่เราร่วมมิสซา เป็นพระเยซูเจ้าที่มาประทับอยู่กับเรา เพียงแต่บางครั้งเราไม่ได้รู้สึกชื่นชมยินดีหรือมีความเร่าร้อนเหมือนกับศิษย์ 2 คนนั้น การพบกับพระเยซูเจ้าในชีวิตจะผลักดันให้เราก้าวเดิน การมีประสบการณ์พบกับพระเจ้าจะทำให้มีความกระตือรือร้นที่จะออกไปประกาศข่าวดีของพระองค์
ตลอดทั้งสัปดาห์เราคงจะติดตามข่าวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล ดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา ทั้งศาสนายิว อิสลาม และศาสนาคริสต์ พระเจ้าของแต่ละศาสนาต่างเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ตามหลักความเชื่อ พระองค์คงไม่ประสงค์ที่จะให้เหตุเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ความขัดแย้งเป็นการกระทำของมนุษย์ ที่ต่างฝ่ายก็มีความคิดเห็นตามวิธีของตน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ในยุคพระธรรมเก่าเรื่อยมา ใครที่เคยไปเยี่ยมแสวงบุญแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ก็พอจะเข้าใจได้ เมื่อไปเห็นและสัมผัสประสบการณ์ หากไม่ใช่ช่วงเวลานี้ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ก็ยังมีท่าทีของความขัดแย้งอยู่เสมอ แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันได้ ต่างคนต่างอยู่ คนที่เดินทางเข้าไปแสวงบุญ ท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนสถานที่ต่างๆ ที่พระเยซูเจ้าเคยใช้ชีวิต ก็สามารถทำได้ พวกเราอยู่ในเดือนแห่งการสวดสายประคำ แม้จะมีวัตถุประสงค์การสวดหลายประเด็นแล้ว ก็ขอเพิ่มให้ช่วยกันวอนขอแม่พระเพื่อความสงบ การยุติความรุนแรง การหาทางแก้ปัญหาอย่างสันติ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง การประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา แม่พระเคยบอกเด็ก 3 คนให้พวกเขาสวดสายประคำเพื่อความสงบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เรายังเคยได้รับการบอกกล่าวให้ช่วยกันสวดสายประคำเพื่อการกลับใจของรัสเซีย รวมทั้งในช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากต่างๆ และเร็วๆนี้ช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโควิด ก็มีการรณรงค์สวดภาวนา เพื่อพบวิธีการรักษา วันนี้ขอพวกเราได้ช่วยกันสวดเพื่อสันติภาพในดินแดนแห่งนี้ ขอให้มีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ สงครามมีแต่ความสูญเสีย โดยเฉพาะคนบริสุทธิ์มากมายที่กำลังรับผลในขณะนี้
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์