ข้อคิดประจำวันอาทิตย์
วันนี้พระศาสนจักรกำหนดให้เป็นวันสมโภชพระคริสตแสดงองค์ พระวรสารเล่าถึงการเผยแสดงพระองค์แก่บรรดาโหราจารย์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ ผู้ทำนายดวงชะตาด้วยวิธีคำนวณการเคลื่อนที่ของดวงดาว พวกเขาได้สังเกตเห็นดวงดาวของกษัตริย์ของชาวยิวปรากฎขึ้น จึงตัดสินใจออกเดินทางตามหากษัตริย์พระองค์นั้นเพื่อนำทองคำ กำยาน และมดยอบมานมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์แก่บรรดาโหราจารย์และแก่เราทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน พระองค์ทรงใช้ดวงดาวดุจดังเข็มทิศ นำเราไปพบปะกับพระองค์ตลอดการเดินทางฝ่ายจิต และจะหยุดนิ่งเมื่อถึงสถานที่ประทับของพระกุมาร ที่ซึ่งเราได้ประสบพบพระพักตร์พระเจ้า วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์จึงมีความหมายสำคัญสำหรับชีวิตของเรา ด้วยว่าเป็นวันที่เราแต่ละคนต่างเดินทางมาด้วยเป้าหมายเดียวกัน ติดตามดาวดวงเดียวกัน เตรียมสิ่งที่ดีที่สุดเป็นของขวัญมามอบถวายให้กุมารน้อยองค์เดียวกัน ผู้เป็นพระผู้ไถ่เรา ขอบพระคุณร่วมกันที่วันนี้พระองค์ทรงเผยให้เราได้ทราบอย่างชัดแจ้งว่าพระแมสสิยาห์ ผู้เสด็จมาช่วยเราให้รอดจากบาปนั้นได้บังเกิดมาในโลกของเราแล้ว
ข้อคิดประเด็นสำคัญที่พ่ออยากนำเสนอให้พี่น้องได้ไตร่ตรองชีวิตในสัปดาห์นี้ คือ คุณลักษณะของโหราจารย์ กลุ่มอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำนายดวงชะตาที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะเผยแสดงพระองค์ในวันนี้ มีคุณลักษณะสามประการที่น่าสนใจ เป็นคุณลักษณะซึ่งหากว่าเราแต่ละคนมี ก็จะช่วยนำพาชีวิตของเราไปพบกับองค์พระเจ้าเช่นเดียวกัน
คุณลักษณะประการแรก คือ การสังเกตดวงดาว (Observation) สัญลักษณ์สำคัญที่โหราจารย์เฝ้ามองและคอยสังเกตอยู่เสมอ และครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง เมื่อพวกเขา“เงยหน้าขึ้นมองดาว” ก็ได้พบว่าดวงดาวประจำกษัตริย์ปรากฎขึ้น พี่น้อง การสังเกตเป็นคุณลักษณะสำคัญที่จะช่วยให้เราพบพระเจ้าได้ง่ายขึ้น การเงยหน้าขึ้นมอง สังเกต และพินิจพิเคราะห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบรรดาโหราจารย์ และควรเป็นท่าทีของเราทุกคนด้วย จากตัวอย่างการเผยแสดงแก่บรรดาโหราจารย์ ทำให้เราเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้เปิดเผยพระองค์ผ่านสิ่งที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามแต่อย่างใด แต่พระองค์ทรงเผยพระองค์ผ่านธรรมชาติ ผ่านงาน ภารกิจที่เราทำ สิ่งที่เราเชี่ยวชาญหรือแม้แต่สิ่งที่กระทำเป็นปกติวิสัย เพียงแต่เราต้องรู้จัก เงยหน้าขึ้นมองดาว สังเกต และไม่ละเลยที่จะพินิจพิเคราะห์สัญญาณแห่งกาลเวลาซึ่งจะเผยแสดงพระประสงค์ของพระเจ้าแก่เรา
คุณลักษณะประการที่สอง คือ การออกเดินทาง (Journey) บรรดาโหราจารย์ตัดสินใจออกเดินทางติดตามดวงดาวที่เคลื่อนนำทางไป บรรดาโหราจารย์จะไม่มีวันได้พบองค์กษัตริย์ของชาวยิวที่ประสูติมาได้เลย หากว่าพวกท่านเมินเฉยต่อดวงดาวประจำพระองค์ที่ปรากฎขึ้น ไม่ปรารถนาจะไปพบปะนมัสการ และไม่ตัดสินใจออกเดินทาง ในเส้นทางฝ่ายจิตของเราคริสตชน การออกเดินทางครั้งนี้เปรียบประดุจการออกจากพื้นที่ของตัวเอง ออกจากรูปแบบหรือความคุ้นเคยเดิมๆ ในชีวิตประจำวัน ละจากสิ่งที่กระทำอยู่เป็นปกติวิสัยเพื่อไปหาสิ่งที่สำคัญกว่าและยิ่งใหญ่กว่า การเดินทางฝ่ายจิตเป็นการเดินทางโดยไม่หยุดหย่อนด้วยความหวังว่าจะได้พบปะพระเจ้า ผู้นำความรอดมาให้กับเรา เป็นการเดินทางที่ตลอดเส้นทางนั้นอาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรค การขัดขวางหรือการถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว แต่เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อ เพราะตราบใดที่แสงแห่งความหวังยังคงนำทางและไม่หยุดอยู่เหนือที่ประทับขององค์พระผู้ไถ่ เส้นทางฝ่ายจิตของเราจะยังคงไม่จบสิ้น เราจึงไม่หยุดที่จะออกเดินทางไป ฟันฝ่าอุปสรรคทุกด่านจนได้พบกับองค์พระผู้ไถ่ ได้นมัสการพระองค์ และได้มอบชีวิตที่พรั่งพร้อมไปด้วยคุณความดีอันเป็นของขวัญล้ำค่าที่ได้ตระเตรียมไว้ถวายแด่พระองค์
คุณลักษณะประการที่สาม คือ การเชื่อฟัง (Obedience) เมื่อพระเจ้าทางเตือนบรรดาโหราจารย์ในความฝัน มิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด พวกเขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น พี่น้องที่รัก เราต้องขอบคุณโหราจารย์ที่เลือกเชื่อฟังพระเจ้า ไม่กลับไปเฝ้ากษัตริย์เฮโรดและส่งข่าวเรื่องการเกิดมาขององค์พระกุมารน้อยให้พระองค์ทรงทราบ มิฉะนั้น องค์พระผู้ไถ่องค์นี้คงจะถูกปลงพระชนม์ไปแล้วและแผนการณ์ของพระเจ้าก็ไม่อาจสำเร็จไป พี่น้องที่รัก การเชื่อฟังเสียงของพระเจ้าเป็นคุณลักษณะสำคัญ เสียงของพระองค์ที่ตรัสกับเราผ่านมาจากหลายวิธีด้วยกัน สำคัญตรงที่เราต้องปล่อยให้เสียงของพระเจ้าตรัสผ่านมาถึงเราโดยไม่ปิดกั้น ไม่ว่าจะมาในความฝัน จากเสียงของผู้อื่น ธรรมชาติ ฯลฯ
ขอให้บรรดาโหราจารย์เป็นแบบอย่างให้กับเรา จงเฝ้าสังเกต(เงยหน้าขึ้นมองดาว พินิจพิเคราะห์สัญญาณแห่งกาลเวลา) ออกเดินทาง (ติดตามดวงดาวที่เคลื่อนนำทางไป) และ เชื่อฟัง (เสียงของพระเจ้า) แล้วเราจะได้พบองค์พระผู้ไถ่ ได้นมัสการพระองค์ และได้มอบชีวิตของเราซึ่งเป็นของขวัญล้ำค่าที่ได้ตระเตรียมไว้แทบเท้า ณ ที่ประทับของพระองค์
ขอให้ “แสงสว่างแห่งความหวังผลักดันเราไปยังองค์พระผู้ไถ่” เสมอ ขอพระเจ้าอวยพระพร…