ข้อคิดประจำวันอาทิตย์
พระวรสารวันนี้เล่าเรื่องราวตอนหนึ่งในชีวิตเปิดเผยขององค์พระเยซูเจ้าในเมืองคาเปอรนาอุม เมื่อทรงเสด็จเข้าไปสั่งสอนในศาลาธรรมในวันสับบาโต ผู้เขียนเล่าว่า คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมาก “เพราะทรงสอนเขาอย่างผู้ทรงอำนาจ ไม่เหมือนกับบรรดาธรรมมาจารย์” เมื่อพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมายังโลกในฐานะมนุษย์ พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์อย่างสมบูรณ์แก่เรา ทรงเป็น “พระวาจาของพระเจ้า” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางโลก ทั้ง “ชีวิตและคำสั่งสอนของพระองค์” จึงไม่แปลกเมื่อผู้คนได้ฟังองค์พระเยซูเจ้าตรัสสอน จะรู้สึกประทับใจอย่างมาก และสัมผัสได้ว่าทรงสอนอย่างผู้ทรงอำนาจ ไม่เหมือนกับบรรดาธรรมาจารย์ แล้วการสอนขององค์พระเยซูเจ้าต่างกันอย่างไรกับบรรดาธรรมาจารย์…?
ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของ “อำนาจ”
ประการแรก อำนาจของพระเยซูเจ้ามาจาก “ความเป็น” ทรงเป็นพระบุตรนิรันดรของพระเจ้า หนึ่งในพระตรีเอกภาพพระผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ผู้ทรงมีอานุภาพ เกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ ดังนั้น แม้ว่าองค์พระเยซูเจ้าจะทรงรับธรรมชาติมนุษย์ แต่อำนาจยังคงอยู่ ด้วยว่าเป็นส่วนหนึ่งในพระธรรมชาติของพระเจ้า ที่ไม่จำเป็นต้องแสวงหา ไม่ต้องเสริมเติมแต่งเพิ่มด้วยวัตถุ สิ่งของใดๆ แต่ปรากฎผ่านธรรมชาติของ “ความเป็น” พระเจ้าผ่านรูปแบบการใช้ชีวิตในความเป็นมนุษย์ โดยยังคงเป็นผู้ทรงมีอานุภาพ เกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์เท่าเสมอพระบิดา
ประการที่สอง อำนาจของพระเยซูเจ้ามาจาก “คำสั่งสอน” ของพระองค์ ถ้อยคำที่ตรัสเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจและมีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้ที่ได้ฟัง ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึก“ประทับใจ”
ประการที่สาม อำนาจของพระเยซูเจ้ามาจาก “ความดีที่ทรงกระทำ” เป็นการกระทำที่ทรงพลังและอำนาจ พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและตรัสสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” เมื่อปีศาจได้ยินทำให้ชายผู้นั้นชัก ร้องเสียงดัง แล้วมันก็ออกไปจากเขา ทุกคนต่างประหลาดใจจึงถามกันว่า “นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำนาจ เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจ และมันก็เชื่อฟัง”
“ความเป็น คำสั่งสอน และ ความดีที่ทรงกระทำ” ดังกล่าวข้างต้น เป็นเครื่องหมายบ่งชี้ว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงต่างกับบรรดาธรรมาจารย์อย่างไร ธรรมาจารย์ ผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องบทบัญญัติของชาวยิว ที่นอกจากสอนธรรมบัญญัติแล้ว ยังตั้งกฎต่างๆ ขึ้นมาให้ทุกคนปฏิบัติอีกด้วย พระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงพวกเขาไว้อย่างชัดเจนว่า “พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายสั่งสอนพวกท่านนั้น จงถือและประพฤติตามยกเว้นการประพฤติของพวกเขาอย่าทำตามเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาสอน เพราะพวกเขาเอาห่อของหนักวางบนบ่าของมนุษย์ แต่ส่วนพวกเขาเองไม่ยอมแม้แต่จะใช้สักนิ้วเดียวไปยก การกระทำของพวกเขาล้วนทำเพื่ออวดคนอื่น พวกเขาทำกลักพระธรรมขนาดใหญ่และสวมเสื้อที่มีพู่ห้อยยาว พวกเขาชอบที่นั่งอันมีเกียรติในงานเลี้ยงและที่นั่งโดดเด่นในธรรมศาลา ชอบรับการคำนับที่กลางตลาดและชอบให้คนอื่นเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์… (เทียบ มัทธิว 23:1-12)
พี่น้องที่รัก คนมีอำนาจในตัวจะปรากฎซึ่งอำนาจผ่านชีวิตที่สงบร่มเย็น ความน่าเกรงขามของอำนาจอันยิ่งใหญ่และความงดงามแท้จริงอันเป็นผลจากการใช้อำนาจนั้นจะปรากฎผ่านถ้อยวาจาและคุณงามความดีที่ได้ทำเพื่อรับใช้ผู้อื่นและการดำรงคงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดีงามในการใช้ชีวิต ไม่ใช่จากการยกย่องสรรเสริญยามมีเงินทองชื่อเสียง เกียรติยศ หรือตำแหน่งใดๆ สิ่งเหล่านี้เสมือนปีศาจที่สิงอยู่ในกายเรา
อาศัยอำนาจขององค์พระเยซูเจ้า ขอพระองค์โปรดขับไล่ปีศาจที่แฝงร่างอยู่ในความกลัว
- กลัวการสูญเสีย การถูกทำลายให้ดับสูญไป
- กลัวการไม่มี การไม่ได้ครอบครองซึ่งสิ่งคำชูเกียรติและศักดิ์ศรี
- กลัวการด้อยกว่า
อาศัยอำนาจขององค์พระเยซูเจ้า ขอให้พระวาจาของพระองค์ที่ประทานให้เป็นมานนาประจำวันแก่เรา มีอิทธิพลต่อจิตใจของเรา ไม่ใช่แค่ทำให้เรารู้สึกประทับใจ แต่ช่วยเตือนใจเราให้นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
อาศัยอำนาจขององค์พระเยซูเจ้า ขอให้แบบอย่างดีที่ทรงกระทำตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ไม่ใช่แค่ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจ แต่เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีพลังผลักดันเรา ให้เราเลือกกระทำแต่คุณงามความดี เมื่อผิดหลงก็ให้เราวอนขอพระอานุภาพขององค์พระเยซูเจ้าช่วยขับไล่ความชั่วร้ายที่แฝงร่างอยู่ข้างในจิตใจเราด้วยรูปแบบต่างๆ ให้หมดไปเถิด.