ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ 2013 วันสมโภชนักบุญยอแซฟ วันนั้นได้มีพิธีสถาปนาและการรับตำแหน่งของพระสันตะปาปาองค์ใหม่ พระองค์ทรงเลือกใช้พระนามว่าฟรังซิส ทุกๆ ปีสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทยจัดให้มีพิธีมิสซาโมทนาคุณพระเจ้า ในนามของพระศาสนจักรไทย เพื่อร่วมโมทนาคุณพระเจ้า ร่วมใจการวอนขอพระเจ้าโปรดประทานพระพรเป็นพิเศษแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ปีนี้จัดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ มิสซาเวลา 17:00 น. พวกเราคริสตชนไทยมีความประทับใจ รู้สึกผูกพันใกล้ชิดกับพระสันตะปาฟรังซิส นอกจากพระองค์ทรงเป็นประมุขในยุคสมัยของเราแล้ว เชื่อว่าภาพความทรงจำ ความประทับใจอันน่าชื่นชมยินดี ยังคงอยู่กับพี่น้องทุกคน คราวเมื่อพระองค์เสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อปลายปี ค.ศ. 2019
ในช่วงเวลาที่พระสันตะปาปาทรงได้รับความไว้วางใจจากบรรดาพระคาร์ดินัล ที่ร่วมประชุมเพื่อเลือกผู้ทำหน้าที่เป็นประมุขสูงสุดของพระศาสนจักร พระองค์เลือกใช้พระนามว่าฟรังซิส เนื่องจากพระองค์ทรงคิดถึงบรรดาคนยากจน ซึ่งนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี ทรงมีความโดดเด่นในการเอาใจใส่คนยากจน จึงเลือกใช้ชื่อฟรังซิสเป็นพระนามของพระองค์ ภารกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติหลังจากรับตำแหน่งเป็นพระสันตะปาปา พระองค์เสด็จไปเยี่ยมคนยากจน ทรงประกอบพิธีมิสซาวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์และล้างเท้าบรรดาผู้ที่ถูกจองจำ พระองค์ทรงเสด็จไปเยี่ยมสถานที่กักกัน พระองค์ทรงสอนและเรียกร้องให้ช่วยกันดูแลเอาใจใส่ฟื้นฟูธรรมชาติ สิ่งสร้างของพระเจ้า ซึ่งสู่ถูกทำลายลงอย่างมาก คำสอนเรื่องความเชื่อ คำสอนเรื่องความรัก พระองค์ยังคงให้คำสอนและแนวทางในแก่พระศาสนจักรเสมอ ขอพี่น้องได้ร่วมใจกันภาวนา วอนขอพระเจ้าโปรดประทานพระพร คุ้มครองพระองค์ท่าน เพื่อเป็นผู้นำ ปกครองของพระศาสนจักรของพระองค์อย่างเข้มแข็ง
เทศกาลมหาพรตมาถึงสัปดาห์ที่ 5 แล้ว สัปดาห์หน้าจะเรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เริ่มด้วยวันอาทิตย์แห่ใบลาน และจะไปสิ้นสุดด้วยการสมโภชปัสกา เมื่อเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตเราอาจจะคิดว่ามีเวลา 40 วัน อีกยาวนานทีเดียว แต่บัดนี้เราก็มาถึงช่วงท้าย การสมโภชปัสกามีอยู่ทุกปีและพระศาสนจักรก็เรียกร้องให้เราได้เตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อร่วมฉลองอย่างดี ส่วนสำคัญก็คือเราจะระลึกถึงก็คือการตายของพระเยซูเจ้าโดยการถูกตรึงกางเขนและการเสด็จกลับคืนพระชนม์ของพระองค์ เนื่องจากเป็นเรื่องของพระเยซูเจ้า จึงทำให้บางครั้งก็ทำให้เกิดความคิดว่า ไม่เห็นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเริ่มบอกกับบรรดาศิษย์ว่า เวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว เมล็ดข้าวที่ตกลงดินแล้วเน่าเปื่อยไปจะงอกขึ้นใหม่ เกิดผลมากมาย การตายของพระองค์เช่นเดียวกัน จะเกิดผลมากมาย พระองค์ทรงเรียกร้องเราทุกคนให้ยอมตาย “ใครที่รักชีวิตของตนไว้ ก็จะไม่สามารถรักษาชีวิตนั้นไว้ได้ ใครยอมสละชีวิตในโลกนี้ก็จะรักษาชีวิตนิรันดร” ข้อความตอนนี้พระองค์ต้องการบอกถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับตัวของพระองค์เอง การที่พระองค์ยอมตายจะทำให้คนมากมายที่เชื่อในพระองค์ ได้รับชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์ ชีวิตของพระองค์ที่ทรงกลับคืนชีพจึงเป็นการฉลองปัสกาของเรา เป็นเรื่องที่เรามีความเชื่อในพระเยซู เราจะไม่เพียงเฝ้ามองดูพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ แต่ขอให้เราได้ตายพร้อมกับพระองค์ การตายที่ไม่ใช่การจบสิ้นของชีวิต แต่เป็นการยอมละทิ้งชีวิตเก่า เหมือนคำพูดที่เราสวดตอนที่เราเดินรูป “ให้เราฝังในคูหาของพระองค์ ซึ่งบาปและราคะตัณหาทั้งปวง และขอเจริญชีวิตใหม่ในพระองค์” เงื่อนไขสำคัญที่พระเยซูเจ้าบอกไว้ก็คือใครที่ห่วงใยชีวิตของตนจะสูญเสียชีวิตนั้นส่วนใครก็ตามที่ยอมสละชีวิตของตนก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับชีวิตนิรันดร.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์