วันอาทิตย์นี้ เราระลึกถึงการเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้า มีพิธีแห่ใบลาน เรายังเรียกสัปดาห์นี้ว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ หรือสัปดาห์พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ตั้งแต่วันพุธรับเถ้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลมหาพรต เป็นช่วงเวลาที่พระศาสนจักรเรียกร้องบรรดาคริสตชนได้เตรียมจิตใจ เพื่อร่วมฉลองปัสกาพร้อมกับพระเยซูเจ้า การฉลองปัสกาสำหรับบรรดาชาวยิว เป็นการฉลองเพื่อขอบคุณพระเจ้าที่ได้เคยช่วยเหลือบรรพบุรุษของพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาส และนำพาพวกเขาให้มีอิสระเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา ซึ่งการฉลองสมโภชปัสกาของเรา มีความหมายที่ครบสมบูรณ์มากกว่า เมื่อพระเยซูเจ้าเองทรงยอมมอบชีวิตของพระองค์ เพื่อเป็นบูชาแด่พระเจ้า เป็นการไถ่บาปมนุษย์และนำมนุษย์ทุกคนเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์
บรรดาชาวยิวในยุคสมัยของพระเยซูเจ้า มีธรรมเนียมเดินทางไปถวายบูชาแด่พระเจ้าที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม โดยเฉพาะการฉลองปัสกา พระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ก็มีความตั้งใจไปฉลองปัสกาด้วย พระองค์ทรงสั่งศิษย์ 2 คนให้เข้าไปในเมืองล่วงหน้าและเตรียมสถานที่เพื่อจัดงานเลี้ยงปัสกา ส่วนตัวของพระองค์การเดินทางเข้ากรุงเยรูซาเล็มครั้งนี้ พระองค์ทรงประทับนั่งบนหลังลูกลาแทนการเดินด้วยเท้า ผู้คนที่เดินร่วมทางซึ่งมีความชื่นชมกับพระเยซูเจ้า พระองค์มีลักษณะเด่น เป็นอาจารย์ เป็นผู้นำ ทรงทำอัศจรรย์ต่างๆมากมาย พวกเขายกย่องพระองค์เป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิด แสดงความยินดีด้วยการนำกิ่งไม้ กิ่งปาล์ม มาโบกเพื่อแสดงความยินดี บางคนเอาเสื้อผ้าปูตามทางที่พระองค์เสด็จผ่าน พวกเขาคาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยมีพระเยซูเจ้าเป็นผู้นำ
วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ในภาคเช้าจะมีพิธีสหบูชามิสซา ซึ่งบรรดาพระสงฆ์ที่ทำงานในเขตอัครสังฆมณฑลก็จะมาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพิธีบูชามิสซา ในมิสซานี้ จะมีส่วนสำคัญเพิ่มขึ้น 2 ส่วน ประกันแรกคือการรื้อฟื้นคำสัญญาของพระสงฆ์ที่เคยสัญญาตั้งแต่วันที่รับศีลบวช คำสัญญาว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต ส่วนที่ 2 ก็คือการเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งน้ำมันนี้จะถูกแจกจ่ายไป พระสงฆ์ใช้น้ำมันนี้ในการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ น้ำมันที่เสกในวันนี้ก็คือน้ำมันสำหรับคริสตชนสำรอง น้ำมันสำหรับคนป่วย และน้ำมันคริสมา
ในภาคค่ำของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ฯ เราจะเรียกว่าเป็นตรีวารปัสกา มิสซาคืนนี้จะระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำคือการล้างเท้าให้กับบรรดาสาวก ก่อนที่พระองค์ทรงร่วมโต๊ะกินปัสกากับบรรดาศิษย์ การกินปัสกาซึ่งดูเหมือนเดิมกับที่เคยปฏิบัติ แต่ครั้งนี้พระองค์ทรงหยิบขนมปังหลังจากอธิษฐานภาวนาแล้ว ทรงบอกกับบรรดาศิษย์ว่า “จงรับไปกิน นี่คือกายของเรา” และส่งถ้วยใส่เหล้าองุ่นให้บรรดาศิษย์ไปดื่ม บอกกับเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเรา” การกินเลี้ยงปัสกาแบบเดิม ได้มีสัญลักษณ์ใหม่ มีความหมายใหม่ พระเยซูเจ้าเองจะยอมถูกฆ่าเหมือนลูกแกะที่ถูกฆ่า ปังที่กินในงานก็ถูกเปลี่ยนเป็นศีลมหาสนิท เป็นพระกายของพระองค์ที่จะหล่อเลี้ยงทุกคนให้มีชีวิต
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ต่อเนื่องจากคืนวันพฤหัสบดี หลังจากที่พระองค์กินปัสกากับบรรดาเสร็จ พระองค์ทราบที่ว่าเวลาที่พระองค์จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จกำลังมาถึงแล้ว คืนนั้นพระองค์ทรงแยกตัวไปสวดภาวนาที่สวนมะกอก ยูดาสได้ตกลงขายพระเยซูเจ้าและนำทหารมาจับตัวพระองค์ คืนนั้นพระองค์ถูกทรมาน นำตัวไปยังคุมขังรอให้ถึงเช้า เพื่อจัดการกับพระองค์ วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีพิธีกรรมเวลา 15:00 น เวลาเดียวกับที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ซึ่งเราจะได้รับฟังเรื่องราวพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ร่วมกันนมัสการกางเขนและการรับศีลมหาสนิท
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์หรือคืนตื่นเฝ้า พิธีต่างๆ จะเริ่มหลังจากพระอาทิตย์ตกดินของวันศุกร์ ที่วัดของเราจะเริ่มพิธีมิสซาพิธีเวลา 19:00 น. เริ่มด้วยพิธีเสกไฟ การแห่เทียนปัสกาเข้าไปในวัด หมายถึงพระเยซูเจ้าเป็นความสว่างที่ขับไล่ความมืดและเป็นผู้นำความสว่างมาให้เราทุกคน ในพิธีตื่นเฝ้าเราจะฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์ความรอด ที่จะสำเร็จในองค์พระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งเป็นประทานความรอดพ้นแก่พวกเราทุกคน ในคืนนั้นจะมีพิธีโปรดศีลล้างบาป และยังเป็นการรื้อฟื้นความเชื่อของพวกเราทุกคนด้วย.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์