หลังจากศิษย์สองคนได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทางขณะไปเอมมาอุสให้บรรดาศิษย์ฟังว่า เขาได้พบพระองค์ ร่วมเดินทางไปกับพระองค์ ฟังพระองค์อธิบายพระคัมภีร์แต่ก็ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร จนกระทั่งได้เห็นพระองค์ทรงบิขนมปัง พวกเขาจึงจำได้ว่าเป็นพระองค์จริงๆ พระองค์ทรงกลับคืนชีพแล้วเหมือนที่ได้ทรงกล่าวไว้ และขณะที่เล่าอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงปรากฎมายืนอยู่ในหมู่เขา ตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” พวกเขาต่างตกใจกลัว คิดว่าได้เห็นผี แต่พระองค์ตรัสว่า “ท่านวุ่นวายใจทำไม เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริงๆ จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี” ตรัสดังนี้แล้วทรงให้ดูพระหัตถ์และพระบาท เขายินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ …..พี่น้องที่รัก แต่ที่มากกว่านั้น พระองค์ตรัสว่า “ท่านมีอะไรกินบ้าง” และเมื่อเขาถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขา
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงปรากฎมายืนอยู่ท่ามกลางศิษย์ แต่พวกเขากลับคิดว่าพระองค์เป็นผี ทั้งที่พระองค์เคยบอกว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย และถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม บุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” (มธ.17:22-23) เมื่อทรงกลับคืนชีพ มีปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขา เขากลับตกใจกลัว และคิดว่าพระองค์เป็นผี พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเชื่อยากสำหรับมนุษย์ แค่คำบอกเล่าของศิษย์สองคนที่กลับจากเอมมาอุส ก็ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะให้พวกเขาเชื่อ การมาของพระองค์ในครั้งนี้ จึงสำคัญ เพราะ….
- ทรงมาเพื่อเตือนใจศิษย์ “ท่านวุ่นวายใจทำไม เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริงๆ”
- ทรงมาเพื่ออธิบายข้อเท็จจริง “จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี”
- ทรงมาเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา ทรงให้ดูพระหัตถ์และพระบาท ตรัสถามว่า “ท่านมีอะไรกินบ้าง” และเมื่อเขาถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขา
- มากกว่านั้น ทรงมาเพื่อประทานสันติสุขและความชื่นชมยินดี
พี่น้องที่รัก เวลาเราต้องเดินในความมืด เราก็มักพูดติดปากว่ากลัวผี เวลาที่เราต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคเราก็มักบ่น เพราะเรารู้สึกกลัวความยากลำบาก รู้สึกทุกข์เพราะเราไม่มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นกับบรดาศิษย์และกับเราทุกคนด้วย การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องหมายยืนยันให้เรามั่นใจได้ว่า เราทุกคนจะผ่านความตายไปสู่ชีวิตใหม่ จะผ่านความมืดสู่แสงสว่าง และจะผ่านพ้นความทุกข์ยาก ลำบากหรือความกลัวต่างๆ ไปสู่ความสบ สันติสุขและความชื่นชมยินดีได้เช่นเดียวกัน จงฟังที่พระเยซูเจ้าเตือนเราเถิด “ท่านวุ่นวายใจทำไม เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริงๆ” พ่อขอย้ำกับพี่น้องอีกครั้งหนึ่งว่า ความวุ่นวายใจ ความคลางแคลงสงสัยในพระเจ้าเป็นปกติวิสัยของมนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราสงสัย ไม่มั่นใจในพระเจ้า จงมองดูที่มือ เท้าของพระองค์ และใช้หัวใจของเราสัมผัสพระกายของพระองค์เมื่อเรารับศีลมหาสนิท ลิ้มชิมเหล้าองุ่นในบูชามิสซาขอบพระคุณ อันหมายถึงพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้านั้น เราจะได้มั่นใจว่า เป็นพระองค์จริงๆ เมื่อเราเชื่อแล้ว เราจะได้เป็นพยานถึงพระองค์ในเรื่องทั้งหมดนี้ (ลก.24:48)
พี่น้องที่รัก ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะรู้สึกวุ่นวายใจ หรือคลางแคลงใจ สงสัยในพระเจ้า เป็นสิ่งดีเสียอีก เพราะมันรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราฉุกคิด หันกลับมาตั้งสติ ทบทวน เพ่งพินิจพิศดูพระองค์บ่อยๆ เราจะได้เห็นพระองค์ด้วยตาใจ และเชื่อในพระองค์โดยไม่ต้องสงสัยอีก ขอให้คำที่พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ที่ว่า “ท่านมีอะไรกินบ้าง” ติดอยู่ในใจของพี่น้องเสมอๆ เมื่อได้ยินแล้ว อย่าลืมถวายปลาย่างสักชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ด้วย พระองค์ไม่ได้ประสงคืของถวายล้ำค่าใดๆ มากกว่าได้อยู่กับเรา กินดื่มกับเรา ทรงพอพระทัยยิ่งที่จะรับและดื่มด่ำกับความดีงามจากผลงานความดีที่เราทำ เหมือนครั้งหนึ่งที่ทรง“รับและเสวย”ปลาย่างที่บรรดาศิษย์ถวาย ทรงกินร่วมกับบรรดาศิษย์ ทรงทำให้บรรดาศิษย์ได้เห็นพระองค์ในแบบเดียวกันกับที่ทรงอยู่กับเขาที่โต๊ะอาหารเมื่อก่อนสิ้นพระชนม์ ประทานสันติสุขอันนำมาซึ่งความยินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ …..