สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน
เราเข้าสู่ช่วงท้ายของเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระศาสนจักรกำหนดไว้เพื่อบรรดาคริสตชนจะได้คิดไตร่ตรองและเข้าใจถึงแผนการณ์ของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์ที่ได้ยอมตาย และได้กลับคืนชีพมีชีวิตใหม่ เมื่อภารกิจของพระเยซูเจ้าสำเร็จลง พระองค์ก็จะกลับไปหาพระบิดาเจ้าในสวรรค์ และเวลานั้นก็มาถึง วันอาทิตย์หน้าจะเป็นวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ หากจะคิดย้อนไปในช่วงที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พวกเราร่วมฉลองด้วยความยินดี การเสด็จกลับสู่สวรรค์ก็เป็นเวลาแห่งความยินดีด้วยเช่นเดียวกัน และในเมืองสวรรค์ก็จะมีความชื่นชมยินดีกับพระเยซูเจ้าได้ปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จ
เราทุกคนยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกต่อไป พระเจ้าไม่ได้ช่วยเหลือมนุษย์ โดยที่พวกเขาไม่ต้องลงมือทำอะไร เรามองเห็นเรื่องราวที่บรรดาอัครสาวกและผู้คนในสมัยนั้นประพฤติปฏิบัติตน โดยเฉพาะเรื่องราวที่บันทึกไว้ในหนังสือกิจการอัครสาวกและจดหมายที่ส่งไปถึงกลุ่มคริสตชนในเมืองต่างๆ เหตุการณ์การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นพลังและแรงบันดาลใจให้บรรดาอัครสาวก พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่มีประสบการณ์ตรง ซึ่งทำให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงความคิดและวิธีการดำเนินชีวิต รวมทั้งบรรดาคริสตชนที่มีความเชื่อ พวกเขามีความเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้า ความคิดในการดำเนินชีวิตของบรรดาคริสตชนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พวกเขามีสันติสุข พวกเขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือ พร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีเพื่อช่วยเหลือกันและกัน และไม่ใช่ทำกิจการเหล่านั้นเพียงกับคนที่เป็นคริสตชนเท่านั้น แต่ปฏิบัติกับทุกคนแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นยังไม่เป็นคริสตชนด้วย
“พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักกันทั้งหลายอย่างนั้น” ประโยคนี้ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องที่พระเยซูเจ้าบอกให้เราฟัง แต่ในความเป็นจริง พระองค์ไม่ได้เพียงแค่บอกด้วยคำพูด แต่ต้องการยืนยันถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ความรักที่พระเยซูเจ้ามีต่อมนุษย์คือการยอมลดสถานะพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ และยอมตาย เป็นการสูญเสียทุกอย่าง จึงเป็นเรื่องที่เราควรจะตระหนักว่าตัวเราแต่ละคนต่างก็มีความสำคัญต่อหน้าพระเจ้า ที่พระเจ้าทรงรักทุกคนและต้องการช่วยเหลือทุกคน
พระเยซูเจ้ายังบอกว่า “จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด” ความต่อเนื่องที่พระบิดาในสวรรค์ทรงรักพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาอยู่ท่ามกลางเราเพื่อรักเราทุกคน จากนั้นก็เป็นเราทุกคน ที่จะต้องรักคนอื่นต่อไป ข้อความที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสแก่บรรดาศิษย์ ดูเหมือนเป็นทฤษฎี เมื่อได้ยินก็รู้สึกแบบนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ทฤษฎี หากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราประพฤติปฎิบัติในการดำรงชีวิต ความรักต่อพระเจ้าคือการแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และเมื่อใดก็ตามที่เรารักเพื่อนมนุษย์ ก็อย่าคิดว่าเป็นตัวเราที่ได้มอบความรักนั้น แต่เป็นพระเจ้าที่พระองค์ทรงประทับอยู่ในตัวเราได้ทรงดลใจให้เราปฏิบัติความรัก
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ จึงเป็นเรื่องราวที่พระเยซูบอกเราทุกคนถึงพันธกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้แต่ละคนได้นำไปปฏิบัติในชีวิต ในสัปดาห์หน้าจะเป็นการสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ทรงทำพันธกิจของพระองค์ที่ได้รับมอบจากพระบิดาสำเร็จลงแล้ว เหลือแต่ในส่วนที่เราแต่ละคนจะต้องดำเนินชีวิตติดตามและลงมือปฏิบัติ ขอให้ทุกๆวันเราได้พยายามดำรงชีวิตอยู่ในความรักของพระเจ้า
“ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผลและผลของท่านจะคงอยู่”
“ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานให้แก่ท่าน”
“ทั้งหลายจงรักกันและกัน”
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์