“โปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์”
ในการเดินทางสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสถึงพระทรมานของพระองค์สามครั้ง
- ครั้งแรกที่ตรัส เปโตรก็มาทูลทัดทานพระเยซูเจ้า (มก 8:31-33)
- ครั้งที่สอง บรรดาศิษย์ก็เถียงกันว่าใครจะยิ่งใหญ่กว่ากัน จนพระองค์ต้องสอนว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคนที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน” (มก 9:33-35)
- ครั้งที่สาม ซึ่งเป็นเรื่องราวจากพระวรสารวันนี้ ศิษย์สองคนมาขอ “นั่งข้างขวาและข้างซ้ายในพระสิริรุ่งโรจน์” (มก 10:37)
น่าสังเกตว่าทั้งสามครั้งที่พระเยซูเจ้าตรัสถึงพระทรมานของพระองค์นั้น ไม่มีสักครั้งเลยที่บรรดาศิษย์เข้าใจความหมาย แม้ครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สาม ศิษย์ที่ได้ชื่อว่าสนิทกับพระเยซูเจ้าอย่างยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี เข้ามาขอนั่ง “ซ้ายและขวาในพระสิริรุ่งโรจน์”
ทั้งสองไม่เข้าใจว่า “พระสิริรุ่งโรจน์” ของพระเยซูเจ้านั้นหมายถึงการรับทรมานบนไม้กางเขน พวกเขาเข้าใจว่าหมายถึงอาณาจักร การเอาชนะ ความยิ่งใหญ่ ฯลฯ พวกเขาแค่อยากได้ตำแหน่งดีๆ เมื่อถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์แล้ว
พระเยซูเจ้าตกใจ ไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยาน แต่เพราะพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย จนพระองค์ถึงกับต้องถามว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่”
เพราะความหมายของ “การล้าง” (baptizein) หมายถึงการจุ่มตัวลงในความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาต้องพร้อมจะรับทรมานกับพระองค์ด้วยนั่นเอง
ถ้าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าคือกางเขน นั่งข้างซ้ายและขวาก็ย่อมหมายถึงการถูกตรึงกางเขนข้างซ้ายและขวาร่วมกับพระองค์ ไม่ใช่การมีอำนาจชี้นิ้วสั่งคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่การมีอำนาจเหนือคนอื่น ไม่ใช่การมีเกียรติสูงส่งและให้ผู้อื่นยกย่องสรรเสริญ
แต่เป็นการทรมานและไม้กางเขนต่างหาก.
…<ลาซารัส>…