“คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไปก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น”
พระวรสารนักบุญมาระโกของวันนี้ (มก 13:24-32) เป็นบทที่ยากที่สุดบทหนึ่งในพระคัมภีร์ เพราะนอกจากจะรวมแนวคิดแบบชาวยิวซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นเคยแล้ว ยังเป็นการรวมพระวาจาเกี่ยวกับอนาคตที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ในที่ต่างๆ มารวมกันอีกด้วย
เนื่องจากเป็นการรวมพระวาจาไว้ด้วยกันนี่เอง ทำให้ผู้อ่านอาจจะเข้าใจผิดถึงความหมายที่พระเยซูเจ้าต้องการบอกกับเราก็เป็นได้
พระวรสารตอนที่เราได้ยินวันนี้เป็นเรื่องการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า และการเตือนให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังวันเวลาที่พระองค์จะเสด็จมา
ภาพของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าเป็นภาพที่มาจากแนวคิดของชาวยิวเรื่อง “วันของพระเจ้า” ซึ่งพวกเขาคิดว่าเป็นวันที่ทุกอย่างจะถูกทำลายล้างเพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งพระเยซูเจ้าเตือนให้เตรียมพร้อมเพราะจะมีสัญญาณต่างๆ เกิดขึ้นมาก่อน เช่น ความทุกขเวทนา สัญญาณจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ฯลฯ และพระองค์บอกว่า “คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไปก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น”
เหตุการณ์เหล่านี้หมายถึงการล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็มที่เกิดขึ้นหลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ได้ไม่นาน
และพระองค์ยังตรัสกับพวกเราทุกคนในยุคนี้ด้วยว่า “คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงพ้นไปก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น” ซึ่งหมายถึงสัญญาณต่างๆ ที่บอกให้เราเตรียมพร้อมก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า ซึ่ง “ไม่มีใครรู้เลย นอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียว”
พระวาจาวันนี้ไม่ได้ขู่ให้เรากลัว แต่กำลังบอกให้เราอย่ากังวลถึงวันเวลาที่พระองค์จะเสด็จมา ทำแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อว่าเมื่อวันเวลานั้นมาถึงเราจะได้ไม่เสียใจที่มีหลายอย่างที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำ.
…<ลาซารัส>…