“พระองค์กำลังเสด็จมาพร้อมกับหมู่ก้อนเมฆ”
ความคิดเรื่องการเสด็จมาของพระคริสตเจ้ามาจากแนวคิดในพันธสัญญาเดิมเรื่อง “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (เทียบ อสย 13:6,; ยรม 46:10; อสค 13:5, 30:3) ที่พระเจ้าจะเสด็จมาพิพากษาคนชั่วและกอบกู้ผู้ชอบธรรม ซึ่งพันธสัญญาใหม่ใช้แนวคิดนี้สอนเรื่องการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า
ในพระคัมภีร์ใช้ก้อนเมฆบรรยายการประทับอยู่ของพระเจ้าเสมอ เช่น ในหนังสืออพยพที่มีเสาเมฆนำทาง (อพย 13:21) ซึ่งต่อมาเมฆนั้นปกคลุมหีบพันธสัญญา (อพย 40:33; ฉธบ 31:14) หรือเมื่อพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระวรกายก็มีเสียงออกมาจากก้อนเมฆ (มก 9:7)
พระศาสนจักรนำพระวาจาเรื่องการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าทั้งจากหนังสือดาเนียลและหนังสือวิวรณ์มาให้เราฟัง เพื่อนำสู่เรื่องราวในพระวรสารโอกาสสมโภชพระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
สำหรับคริสตชน พระคริสตเจ้าเป็นกษัตริย์ “ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีตและผู้เสด็จมา” หมายความว่าพระองค์ทรงเป็นนิรันดร พระองค์ยังเป็น “อัลฟาและโอเมกา” ซึ่งหมายถึงเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่ง (อัลฟาและโอเมกาเป็นอักษรตัวแรกและตัวสุดท้ายในภาษากรีก เหมือน ก และ ฮ ในภาษาไทย)
พระวรสารวันนี้ กล่าวถึงตอนที่พระเยซูเจ้ายืนยันว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ต่อหน้าปิลาต และเรารู้ว่าเมื่อพระองค์ถูกตรึงกางเขนนั้น มีทหารเอาหอกแทงสีข้างของพระองค์ (ยน 19:34) และเป็นผู้ที่กล่าวยืนยันว่าพระองค์เป็นกษัตริย์จริงๆ
ทุกครั้งที่เราปฏิเสธพระองค์ เรากำลังเอาหอกแทงสีข้างของพระองค์ และเมื่อเราคิดได้ เสียใจในสิ่งที่ได้กระทำ เรากำลังเป็นผู้ยืนยันว่าพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งชีวิตของเรา
วันสมโภชพระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลนี้ยังเป็นวันปิดปีพิธีกรรม (แม้ไม่ใช่วันสุดท้ายจริงๆ ในทางปฏิบัติ) แต่เป็นอาทิตย์สุดท้ายที่จะเชื่อมโยงความคิดนี้กับปีพิธีกรรมใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ที่เรากำลังจะรอคอยการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า.
…<ลาซารัส>…