อาทิตย์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี C
พระวรสารนักบุญลูกาวันนี้เริ่มด้วยการกล่าวถึงเวลาและบุคคลในประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าบุคคลหลายคนที่ลูกากล่าวชื่อไว้นี้จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พระทรมานของพระเยซูเจ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ในขณะที่กล่าวถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง มีอำนาจ มีเกียรติในสังคม อยู่ในเมือง ลูกากล่าวว่า “พระวาจาของพระเจ้ามาถึงยอห์น บุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร” (ลก 3:2) ชวนให้คิดว่าแม้มีบุคคลหลายคนที่มีชื่อเสียง มีอำนาจ แต่พระวาจาของพระเจ้ากลับมาถึงคนตัวเล็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร ไม่ใช่ในเมืองหลวง ไม่ใช่ที่พระวิหาร
ยอห์นผู้นี้เป็นผู้ที่อิสยาห์กล่าวไว้ว่า “คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดาร” (อสย 40:3; ลก 3:4)
ในพันธสัญญาเดิมถิ่นทุรกันดารเป็นสถานที่ที่พระเจ้าพบปะกับประชากรของพระองค์ เป็นที่ที่พระองค์แสดงความรักของพระองค์ด้วยการพาพวกเขาเดินทางออกจากอียิปต์ คนของพระเจ้าหลายคนพบพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งแม้พระเยซูเจ้าเอง พระองค์ก็เลือกจะไปอยู่ในถิ่นทุรกันดารเพื่อฟังเสียงของพระเจ้า
ไม่มีใครได้ยินเสียงของยอห์นนอกจากจะต้องออกจากเมืองมายังถิ่นทุรกันดารอันเงียบสงัด และ ณ ที่นั้นเองที่เสียงของยอห์นดังชัดเจนเพราะไม่มีเสียงอื่นมารบกวน
ยอห์นเตือนใจให้ประชาชน “เป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป” (ลก 3:3) และอธิบายโดยใช้ข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ บทที่ 40 ด้วยการ
- “ทำทางเดินของพระเจ้าให้ตรง” หมายถึง การพร้อมให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาในชีวิต
- “หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม” หมายถึง การเติมส่วนที่ขาดในชีวิต
- “ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ต่ำลง”/“ทางขรุขระจะถูกทำให้ราบเรียบ” หมายถึงการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป การเอาสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางเรากับพระเจ้าออกไป
- “ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง” หมายถึง ให้ตรงไปตรงมากับพระเจ้า จริงใจกับพระองค์
ทั้งนี้ก็เพื่อ “มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นความรอดพ้นจากพระเจ้า” ซึ่งลูกาย้ำว่าทุกคนไม่เว้นใครเลยสามารถได้รับความรอดพ้นจากพระเจ้าได้ การเสด็จมาของพระเยซูเจ้าไม่กีดกันใครออกไปจากความรอดพ้นที่พระองค์ทรงนำมาให้
…<ลาซารัส>…