เราเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งมีชื่อเรียกว่าสัปดาห์แห่งความชื่นชมยินดี เทียนสีบานเย็นจะถูกจุด อาภรณ์ที่พระสงฆ์สวมในขณะประกอบพิธีบูชามิสซาก็เป็นสีที่แสดงถึงความเบิกบาน เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าวันฉลองใกล้เข้ามาแล้ว พระศาสนจักรมีธรรมเนียมเชิญชวนให้ทำกิจพลีกรรมและการจำศีลอดอาหาร ใช้โทษบาปเตรียมจิตใจ พอมาถึงเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ได้ผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็เป็นความยินดี ความสุขในจิตใจเพราะใกล้ถึงวันที่รอคอยแล้ว
“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด” ประโยคที่นักบุญเปาโลเขียนถึงชาวฟิลิปปี และเป็นข้อความของบทอ่านในมิสซาวันนี้ที่พวกเราได้ฟัง ย้ำเตือนใจให้มีความยินดี เมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้มีคณะนักขับร้องเพลงประสานเสียง สวนพลูคลอรัสได้มาขับร้องบทเพลงคริสตมาส เพื่อเป็นการมอบความสุขความชื่นชมยินดี เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น บทเพลงที่ขับร้องอย่างไพเราะ นำความสุขมาสู่ผู้ฟัง คริสตมาสมีกิจกรรมและองค์ประกอบมากมายที่ทำให้การฉลองมีความหมาย และส่วนที่มีความสำคัญที่สุดก็คือการเสด็จบังเกิดมารับสภาพมนุษย์ขององค์พระผู้ไถ่และทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา ซึ่งเราจะร่วมกันรำลึกถึงเหตุการณ์นั้นในคืนของวันคริสตมาส
บทอ่านจากพระวรสารในสัปดาห์นี้พูดถึงเหตุการณ์ที่มีคนไปถามยอห์นบัปติสต์ ว่า เพื่อจะเตรียมตัวต้อนรับการเสด็จมาของพระแมสซิยาห์ว่าต้องทำตนอย่างไร ซึ่งท่านยอห์นเตือนสอน ให้สนใจการปฏิบัติตนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ให้แบ่งปันช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการมอบความสุขให้แก่กันและกัน คริสตมาสเป็นเทศกาลแห่งการให้ เริ่มตั้งแต่การที่พระเจ้าได้ส่งมอบพระบุตรของพระองค์ ให้ลงมาเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ ซึ่งจะเป็นผู้ที่ทรงช่วยฟื้นฟูและนำพามนุษย์ให้ได้รับพระพรสูงสุดคือมีสถานะเป็นลูกของพระเจ้า เป็นการประทานของขวัญที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นของขวัญสำหรับทุกคน ยอห์นบัปติสต์ มองดูสภาพสังคมและผู้คนที่มาหาท่าน ท่านได้บอกให้ผู้คนเหล่านั้นได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ลดความเห็นแก่ตัว ให้หันมาเอาใจใส่ช่วยเหลือกันและกัน ซึ่งเป็นเหมือนกับการมอบของขวัญให้แก่กันและกัน
“เราจะต้องทำอะไร” ควรจะเป็นคำถามที่พวกเราทุกคนตั้งคำถามสำหรับตัวเองด้วย การเตรียมฉลองรวมถึงวันฉลองคริสมาส จึงไม่ควรที่เราจะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เหมือนกับการที่ได้นั่งมองดูการแสดงที่มีคนอื่นแสดง ตัวเราเองเป็นเพียงผู้ดูการแสดง แต่ขอให้เป็นเวลาที่ได้ไตร่ตรอง ทบทวนมองดูว่า มีอะไรบ้างที่เราควรจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ หรือมีอะไรที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ทั้งในความคิด คำพูดและการกระทำ เป็นการเตรียมตัวเพื่อให้พระเจ้าได้มาประทับอยู่ในชีวิตของเรา.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์