“ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง… มาปลอบโยนความเจ็บช้ำในใจกัน”
“เราจะตามหาและจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง…เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา…เราจะตามหาแกะที่สูญหายไปเราจะนำแกะที่หลงทางกลับมาเราจะพันแผลของแกะที่บาดเจ็บเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลียเราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรงเราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม” (เทียบอสค34: 11-12,15-17)
คนที่เจ็บปวดเป็นทุกข์โศกเศร้า จะมีสักกี่คนที่จะกล้าบอกความในใจออกมาหากเพื่อนของเรายังไม่สามารถทำให้ตัวเขามั่นใจได้ว่าเป็นมิตรแท้ต่อตัวเขาอย่างจริงใจ… ถามว่าพวกเขาทุกข์ใจไหมตอบได้ว่า“ทุกข์ใจ”
ย้อนคิดถึงตัวเองเหมือนกัน จริงๆเป็นเช่นเดียวกันเวลาที่จะระบายความในใจหรือร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็มักจะขอคำแนะนำขอความช่วยเหลือหรือขอระบายความหนักใจให้ก็แต่คนคุ้นเคยและวางใจ วางใจว่าเขายินดีจะรับฟังวางใจว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเราให้คำแนะนำที่ดีต่อเราไม่ซ้ำเติมทุกข์ที่มีให้ทับถมทวีขึ้น… ถามว่าตัวผู้เขียนเองทุกข์ใจไหม ตอบได้ทันทีเช่นกันว่า“มี”
“เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาเชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลกเพราะว่าเมื่อเราหิวท่านให้เรากินเรากระหายท่านให้เราดื่มเราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ต้อนรับเราไม่มีเสื้อผ้าท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เราเราเจ็บป่วยท่านก็มาเยี่ยมเราอยู่ในคุกท่านก็มาหา”(มธ25:34-36,40)
มีคนสนิทถึงขั้นสนิทมากส่งข่าวความทุกข์ใจหนัก“คุณแม่เสียและจากไปแล้ว… เราน่าจะเจอกันที่อื่นนอกจากงานศพบ้าง” นี่คือถ้วยคำที่เขาส่งมาคุย มีถ้อยคำมีประโยคไม่มากนักดูเผินเผินไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเพียงแจ้งให้เราทราบข่าวร้าย-ความทุกข์ใจและปรารถนาให้เราไปร่วมงาน
“สวดวันนี้วันนี้เวลาเท่านี้เท่านี้” โดยมีวงเล็บเพื่อบอกความหมายนัย(อยากให้มานะรู้วันเวลาแล้วนะ…ไม่กล้าบอกตรงๆ) “ไม่สะดวกมา…ไม่เป็นไร” (แต่ก็อยากให้มาจริงๆนะ) ที่สุดประโยคสุดท้ายที่ทำให้ผู้เขียนคิดหนักว่าต้องทบทวนดีๆเพื่อจะรับรู้หัวใจที่บอบช้ำของเขานั่นคือ“เราน่าจะเจอกันที่อื่นนอกจากงานศพบ้าง…”
“เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาเชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลกเพราะว่าเมื่อเราหิวท่านให้เรากินเรากระหายท่านให้เราดื่มเราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ต้อนรับเราไม่มีเสื้อผ้าท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เราเราเจ็บป่วยท่านก็มาเยี่ยมเราอยู่ในคุกท่านก็มาหา”(มธ25:34-36,40)
ดูเหมือนมิตรปรารถนาจะพบเพื่อนแต่ปรารถนาจะพบพูดคุยร่วมสนุกสนานตามประสาเพื่อน และที่สำคัญที่แท้จริงซ้อนอยู่ในใจในถ้อยคำคือ… ตอนนี้หัวใจมันเจ็บปวดเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง มันเย็นวูบมันต้องการกำลังใจความอบอุ่นใจเป็นต้นจากมิตรแท้เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป(อยากให้มาอยากให้เพื่อนมาจริงๆ)
ทุกสิ่งที่เรามอบความรักมอบมิตรภาพแท้มอบสิ่งต่างๆให้แก่กันและกัน… “ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง” เป็นองค์พระเยซูเจ้าตรัสกับเรา.
…..เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพร จากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก…..