เป็นที่รักเพราะความเชื่อฟัง
อับราฮัมเป็นที่รักของพระเจ้า เพราะท่านเชื่อฟังพระเจ้าในสิ่งที่พระเจ้าสั่งให้ปฏิบัติ แม้สิ่งนั้นจะขัดกับความรู้สึก หรือ น้ำใจของตัวท่านเอง แต่ท่านก็ยอมปฏิบัติตาม
ลูกคือ แก้วตาและดวงใจของพ่อแม่ แต่พระเจ้าย่อมอยู่เหนือแก้วตาดวงใจดวงนี้ อับราฮัมเคารพและยำเกรงพระเจ้า หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ท่านรักพระเจ้า ดังนั้น เมื่อพระเจ้าสั่งว่า “จงพาอิสอัคบุตรของท่าน บุตรคนเดียวที่ท่านรักไปยังดินแดนโมริยาห์ แล้วถวายเขาเป็นเครื่องเผาบูชาบนภูเขาที่เราจะบอกให้ท่านรู้” ท่านก็ยอมทำตาม ในใจอาจจะมีความรู้สึกขัดเคือง ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะความเป็นมนุษย์ แต่ที่สุดท่านก็สามารถตัดใจของตัวท่านเอง และยอมปฏิบัติตามที่พระเจ้าสั่ง
ความรักต่อพระเจ้าอยู่เหนือความรักต่อตัวเอง และสรรพสิ่งที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และครอบครอง เมื่อพระสั่งให้ทิ้งไป หรือ ตัดออกไป ความรักที่มีต่อพระเจ้าก็สามารถทำให้ผู้นั้น ยอมปฏิบัติตามได้ไม่ยากนัก
อีกบุคคลหนึ่งที่เป็นที่รักของพระเจ้า ก็คือ องค์พระเยซูคริสตเจ้าในพระวรสาร “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด”
พระเยซูคริสตเจ้า ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มาเกิดเป็นมนุษย์ การที่พระบุคคลที่ 2 แห่งพระตรีเอกภาพยอมมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แสดงให้เห็นถึงความสนิทเป็นหนึ่งเดียวอย่างแยกไม่ออกของพระตรีเอกภาพ แม้ต่างพระบุคคล แต่ก็มีความคิดและจิตวิญญาณเดียวกัน คือ มีความสนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวในความต่าง และนี่คือ ตัวอย่างที่พระตรีเอกภาพทรงมอบให้แก่มนุษย์ ความสนิทเป็นหนึ่งเดียวนี้ถูกถ่ายทอดมายังชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แต่ในความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า ทำให้พระเยซูเจ้าต้องต่อสู้และเอาชนะตัวเองในทุกๆเรื่อง
ความเป็นมนุษย์ที่ดิ้นรนและขัดสู้ อันเป็นเชื้อโรคที่บิดามารดาเดิมของเรา ถ่ายทอดมาให้เรา ผ่านทางพันธุกรรมแห่งความเป็นมนุษย์ อยู่ในชีวิตของเราแต่ละคน และก็น่าจะอยู่ในชีวิตของพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความเป็นพระเจ้าและมนุษย์ พระองค์ได้ต่อสู้ และเอาชนะมัน
ปีศาจได้พยายามประจญพระเยซูเจ้า ตลอดชีวิตของพระองค์นับตั้งแต่พระองค์รู้ความ ปีศาจไม่ได้ประจญพระเยซูเจ้า เฉพาะใน 40 วัน ที่พระองค์อยู่ในที่เปลี่ยว แต่มันพยายามประจญพระเยซูเจ้าทุกวันตลอดชีวิต และในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของพระองค์ในสวนมะกอกเทศ พระองค์ทรงถูกประจญอย่างหนัก ยิ่งกว่าครั้งใดๆ เพื่อให้พระองค์ยอมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติตามแผนการของพระเป็นเจ้าในงานไถ่กู้ เมลกิปสัน (Mel Gibson) ได้จำลองภาพการประจญพระเยซูเจ้า ในสวนมะกอกเทศ โดยมีภาพของงูเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังภาวนา เพื่อขอพลังจากพระบิดาในการต่อสู้เพื่อเอาชนะความกลัวตายตามภาษามนุษย์ของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงกลัวความตาย กลัวความน่าอับอายบนไม้ † ทรงกลัวความเจ็บปวด ทรงกลัวการถูกเย้ยหยัน ทรงกลัวการถูกทอดทิ้ง ทรงกลัวความอยุติธรรมที่กำลังรุมเร้าพระองค์จาการที่พระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ต้องมารับแบกบาป และต้องยอมตาย ฯลฯ พระองค์อยากหนี อยากทิ้ง อยากหันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้ และ ในเวลาแห่งวิกฤตินี้เองที่ปีศาจก็เข้ามาในรูปของงูตามจินตนาการของ เมลกิปสัน (Mel Gibson) เมลกิปสัน เอาภาพของงูที่ล่อลวงอาดัมและเอวามาใส่ไว้ในภาพยนตร์ของตน เป็นงูตัวเดียวกันที่ล่อลวงอาดัมและเอวา และขณะนี้มันก็พยายามล่อลวงพระเยซูเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงหนีและปฏิเสธแผนการของพระบิดา “ข้าแต่พระบิดา พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ โปรดทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” (มาระโก 14:36) ทรงสวดอย่างเดียวกันนี้ถึง 3 ครั้ง แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเอาชนะจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา
ด้วยเหตุนี้ พระบิดาจึงทรงประกาศอย่างชัดเจนว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” พระบิดาทรงเตือนพวกเราและมนุษย์ทุกคน มิใช่เพียงให้แต่ฟังพระเยซูเจ้า แต่ให้เราปฏิบัติตามตัวอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงวางไว้ เพื่อว่าเราจะได้เป็นที่รักของพระบิดาเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า