เงื่อนไขของความรอดพ้น -ได้รับอภัยจากพระ
“พระวาจาของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร…ให้เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป…จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด…แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้า” (ลก 3:2-4,6)
สองสามวันก่อนหน้านี้ มาถวายมิสซาแทนที่วัดเซนต์โทมัส (เข้าซอยฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลพระราม 3) แต่มีความจำเป็นต้องซื้อของที่เซ็นทรัลพระราม3 เพื่อเตรียมงานสำคัญ ก่อนที่จะขับรถต่อไปยังวัดเซนต์โทมัส แต่เนื่องจากเป็นช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงเย็น ที่นี่พอเย็นเมื่อไรรถจะติดมากถึงมากที่สุด ทั้งรถเข้าออกห้างสรรพสินค้า และรถที่ผ่านสี่แยกบริเวณนี้
ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงตัดสินใจนำรถไปจอดไว้ที่โลตัส พระราม3 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม และเป็นฝั่งเดียวกับวัดเซนต์โทมัส เพื่อจะไม่ต้องหวาดหวั่นกับรถติดและจะไปถวายมิสซาไม่ทัน ทั้งหมดนี้เป็นความคิดพื้นฐาน วางแผนไว้ในใจ เป้าหมายเพียงมุ่งเรื่องถวายมิสซาเป็นเรื่องแรกที่สำคัญสุด เมื่อผูกโยงกับชีวิตจริง ชีวิตพระที่อยู่ในชีวิตเรา เราวางเป้าหมายสูงสุด เป้าหมายชีวิตของเราไว้ที่พระ ไว้ที่น้ำพระทัยพระองค์จริงเท็จมากน้อยเพียงใด
“พระเจ้าทรงเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้ารักและเอ็นดูท่านเพียงใดในความรักของพระคริสตเยซู ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาขอให้ความรักของท่านทวียิ่งขึ้น…” (ฟป 1:8-9)
เงื่อนไขความรอดพ้น-การรับอภัยโทษบาปจากพระ คือ เราตัดน้ำใจตน และให้ตรงไปหาพระเจ้า สัปดาห์ที่สองของการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า องค์พระผู้ไถ่ สัปดาห์นี้นำเสนอเพียงเรื่องเดียว นั่นคือ ระหว่างชีวิตของเรา กับชีวิตของพระ มันมีอะไรมากั้นมาขวางให้เราห่างให้เราไปไม่ถึงความรักของพระองค์ ทำให้เราเขวไม่ตรงทางหรือไม่
ทุกครั้งที่เรามองดูน้ำพระทัยของพระองค์ ทุกเหตุการณ์ที่เราตัดสินใจเลือกพระ โดยออกจากชีวิตแสนสุขของตนเองและยื่นมือออกมอบสันติสุขให้เพื่อนพี่น้อง เราไม่ได้เพียงตัดสละน้ำใจตนเองเท่านั้น แต่เรากำลังตัดเส้นทางอันขรุขระ เส้นทางที่คดเคี้ยวเหล่านั้นให้ตรง ให้หัวใจของเราเชื่อมตรงและสั้นสุดไปสู่ความรักของพระเจ้า และเดินเข้าไปสู่พระเมตตาและรับอภัยโทษบาป บอกได้ว่า “เงื่อนไขของความรอดพ้น คือการตัดสละน้ำใจตน มอบสันติสุขปิติล้นพ้นให้พี่น้อง แล้วเดินเข้ามารับความรอดพ้นของพระเจ้า” นั้นเอง.