สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง22 ก.พ. 2015
วันพุธที่18 กุมภาพันธ์2015 (วันพุธรับเถ้า) จนถึงวันอาทิตย์ที่29 มีนาคม2015 (วันอาทิตย์มหาทรมาน) เป็นช่วงเวลาเทศกาลมหาพรต40 วันที่พระศาสนจักรกำหนดให้เป็นวันแห่งการรณรงค์เพื่อการกลับใจใช้โทษบาปมีเครื่องหมายภายนอกที่เห็นได้คือเสื้อผ้าอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พระสงฆ์ใช้ในการประกอบพิธีกรรมจะเป็นสีม่วงกิจศรัทธาที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ“การรำพึงถึงมรรคาศักดิ์สิทธิ์” หรือเราคุ้นเคยกันว่า“เดินรูป14 ภาค”นอกจากนั้นก็ยังเน้นให้มีการจำศีลอดเนื้อกันเป็นกรณีพิเศษเป็นต้นในวันศุกร์
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นกฎระเบียบและธรรมประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณต่อมาหลังจากพระสังคายนาวาติกันที่2 พระศาสนจักรมีการปฏิรูปแนวคิดกฎระเบียบและพิธีกรรมในหลายเรื่องราว… เทศกาลมหาพรตจึงมิใช่เพียงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้นหากแต่ยังเรียกร้องให้สมาชิกของพระศาสนจักรทุกคนหันมาพิจารณาถึงเรื่องของการมีจิตเมตตามีจิตตารมณ์แห่งความรักที่แท้จริงตามหลักพระวรสารจึงเน้นให้ทุกคนรู้จัก“ให้”กล่าวคือให้มีจิตสำนึกว่าเราต้องมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพื่อผู้อื่นด้วยมิใช่มีชีวิตเพื่อตัวเองเท่านั้นการให้ดังกล่าวจึงหมายถึงการให้ความช่วยเหลือต่อเพื่อนพี่น้องเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและเพื่อการให้นี้เป็นรูปธรรมเราจึงพบว่ามีการรณรงค์อดออมเพื่อคนยากจนคือให้ทุกคนที่รู้จัก“อดเพื่อผู้อื่น”คือลดละเลิกความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟื่อยและนำเงินที่ได้นั้นมอบให้คนขัดสนยากจนเช่นหลายคนอดบุหรี่หลายคนอดสุราหรือลดการกินเลี้ยงการใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยเพื่อนำเงินนั้นมอบให้ผู้อื่นที่ขัดสนอย่างนี้เรียกว่าแบ่งปันนั้นเองมิใช่เก็บเงินที่เหลือจากการอดลดละเลิกนั้นไว้เพื่อตนอีกหรือพวกพ้อง
นอกจากการกระทำสิ่งที่เป็นรูปธรรมดังกล่าวไปแล้วนี้พระศาสนจักรยังเรียกร้องให้เรารู้จัก“บังคับตนเอง” ไม่ปล่อยตัวไปตาม“ความอยาก”หรือที่เขาเรียกกันว่ากิเลสตัณหานั่นแหละต้องเอาชนะความอย่างต่างๆด้วยตนเองและแน่นอนที่เรียกร้องอีกประการหนึ่งก็คือต้องรู้จักรักและให้อภัยต่อทุกคน
ความจริงแล้วทุกเรื่องที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่เราคริสตชนทุกคนต้องกระทำกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว… เพียงแต่ในช่วง40 วันนี้เราจะต้องกระทำอย่างจริงจังเข้มข้นเป็นพิเศษซึ่งถ้าเราเข้าใจเช่นนี้เราจะทราบว่ามหาพรตจึงเป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตติดตามองค์พระเยซูคริสตเจ้าอย่างแท้จริงมิใช่จำกัดอยู่แค่40 วันเท่านั้น
ที่สุดวิถีการเจริญชีวิตดังกล่าวจะเป็นไปได้และเกิดผลอย่างแท้จริงจึงต้องพึ่งพาอาศัยพระพรความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าเป็นสำคัญด้วย… สวัสดีครับ.