สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2558
ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้วคือวันเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมและพิธีถวายอาสนวิหารอัสสัมชัญ
เช้าวันอาทิตย์ที่13 ธันวาคมท้องฟ้าอึมครึ้มมีฝนปรอยลงมานิดหน่อยเห็นทุกคนลุ้นกันเต็มที่ทั้งเรื่องฝนเรื่องความพร้อมต่างๆเห็นโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก(อสช.ชาย) เตรียมเก้าอี้นั่งจอLCD ขนาดย่อมรองรับพี่น้องที่จะมาร่วมงานเพราะในวัดสามารถบรรจุคนได้600-700 คนเท่านั้นลานหน้าวัดจัดเก้าอี้ไว้1,000 ตัวพร้อมทั้งจอLCD ขนาดใหญ่นอกนั้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษาก็ยังเตรียมไว้อีกจำนวนหนึ่งหากไม่เพียงพอโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์รับเรื่องจัดดอกไม้ในวัดเรื่องอาหารต้อนรับพระสงฆ์-นักบวชส่วนอาหารสำหรับพี่น้องสัตบุรุษโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษารับเป็นผู้ดูแลโรงเรียนอัสสัชัญบางรัก(อสช.ชาย) รับบริการเรื่องการแสดงประวัติดนตรีศักดิ์สิทธิ์พระศาสนจักรคาทอลิกไทยฯโดยยกหอประชุมใหญ่ให้เป็นห้องจัดการแสดงเรียกว่าทั้ง3 โรงเรียนร่วมด้วยช่วยกันทุกเรื่องทุกอย่างพร้อมให้บุคลากรช่วยงานอีกจำนวนมากนับเป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าภาพที่ดีเยี่ยม
จุดประสงค์สำคัญของวันนั้นมีอยู่2 ประการหลักคือประการแรกเป็นเรื่องของการเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมของอัครสังมณฑลกรุงเทพฯอย่างเป็นทางการตามคำแนะนำของสันตะสำนักโดยมีพิธีเด่นชัดอยู่ที่การทำพิธี“เปิดประตูศักดิ์สิทธิ์”สำหรับผู้ที่จะมาจาริกแสวงบุญตลอดทั้งปีโดยกำหนดให้เป็นประตูกลางของอาสนวิหารอัสสัมชัญนั้นเองหมายความว่าหลังจากนี้ไปจะมีบรรดาพี่น้องคาทอลิกทั้งไทยและเทศมายังอาสนวิหารอัสสัมชัญเพื่อรับพระคุณการุณย์ในเรื่องนี้ทางอาสนวิหารอัสสัมชัญได้เตรียมต้อนรับอำนวยความสะดวกกันแล้วประการที่สองเป็นเรื่องของการเจิมถวายอาสนวิหารแด่พระเป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่หยุดทำการบูรณะซ่อมแซมมาเกือบ2 ปีจึงมีความสำคัญถือเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งของอาสนวิหารอัสสัมชัญด้วยดังนั้นต่อจากนี้ไปทุกวันที่13 เดือนธันวาคมของทุกปีก็จะถือเป็นวันระลึกถึงการถวายอาสนวิหารอัสสัมชัญด้วย…. แทบทุกคนก็ชมว่าวัดสวยงามสมกับเป็นวิหารของพระเจ้ามีบรรยากาศในการรำพึงภาวนามากขึ้นสิ่งที่ตามมาก็คือจะมีผู้มาเยี่ยมชมของบรรดาคริสตชนและนักท่องเที่ยวมากขึ้นจะมีผู้มาขอรับพิธีแต่งงานมากขึ้น
อย่างไรก็ตามชอบใจหนังสือที่ระลึกงานฉลองในวันนั้นมีคนบอกว่าทำเหมือนหนังสือที่เราพบกันบ่อยๆบนเครื่องบินเลยคือมี2 เรื่องในเล่มเดียวกันเรื่องปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่เขาใช้ชื่อหน้าปกว่า“ปีศักดิ์สิทธิ์ชีวิตคริสตชน” ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของอาสนวิหารอัสสัมชัญเขาใช้ชื่อว่า“อัสสัมชัญสำคัญที่ใจ” เข้าใจว่าผู้จัดทำคงอยากจะบอกให้ทราบว่าในที่สุดแล้วทั้งปีศักดิ์สิทธิ์ทั้งอาสนวิหารอัสสัมชัญนั้นแก่นแท้และสาระต้องเกิดผลต่อชีวิตคริสตชนของเราและให้ตรงประเด็นชัดเจนคือจิตใจของเราต้องเป็นวิหารที่สวยงามให้ได้.…สวัสดีครับ.